สหภาพแรงงานฯ ร้องผู้ตรวจฯ สอบแก้ปัญหาการจัดตั้งบริษัทลูกของ CAT-TOT

กรุงเทพฯ 13 มิ.ย.-สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ CAT ร้องผู้ตรวจการแผ่นดินสอบนโยบายแก้ไขปัญหาการจัดตั้งบริษัทลูกของ CAT และ TOT ห่วงความไม่ชัดเจน ทำทรัพย์สินที่เป็นสมบัติของชาติอาจตกไปอยู่ในมือเอกชน


ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่า เวลา 13.30 น. วันนี้  (13 มิ.ย.) นายสังวรณ์ พุ่มเทียน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และคณะ ยื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้ตรวจสอบนโยบายการแก้ไขปัญหา บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือ TOT  ในการจัดตั้งบริษัทลูก โดยอ้างเหตุเพื่อลดการลงทุนซ้ำซ้อน แต่สร้างปัญหาระยะยาวให้กับบริษัท CAT

นายสังวรณ์ กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ มีการประชุม ครั้งที่ 2/2560 เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2560 ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการจัดตั้งบริษัทโครงข่ายบรอดแบนด์ จำกัด (NBN Co) และบริษัทโครงข่ายระหว่างประเทศ และศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต จำกัด (NGDC Co)  โดยมีรูปแบบธุรกิจเป็นผู้ให้บริการค้าส่งโครงข่ายและโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมภายในประเทศ ถือครองทรัพย์สินประเภทโครงข่ายหลัก ระบบสื่อสัญญาณโครงข่ายสายตอนนอก เคเบิลใยแก้วนำแสง ซึ่งในวันนี้ (13 มิ.ย.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นำเสนอให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบหลักการในการจัดตั้งบริษัทลูกดังกล่าว ทั้งที่ยังไม่มีความชัดเจนในการประเมินทรัพย์สินที่จะนำเข้าไปยังบริษัทลูกในการดำเนินการทางธุรกิจ และยังไม่มีความชัดเจนในด้านปริมาณ ราคา และระยะเวลาในการซื้อบริการของ CAT และ TOT รวมถึงยังไม่มีความชัดเจนในโครงสร้างองค์กร การบริหารงานบุคคล อัตรากำลัง และผลตอบแทนที่เหมาะสม ทั้งนี้การอ้างว่าการตั้งบริษัทลูกเพื่อแก้ปัญหาการซ้ำซ้อนของ CAT และ TOT เห็นว่ากระทรวงดิจิทัลฯ ไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริงในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของไทย ความต้องการผู้บริโภค และความมั่นคงของประเทศ เพราะจะทำให้ปัญหาในการบริหารจัดการเพิ่มขึ้น


“ความไม่ชัดเจนในหลายประเด็น หากเร่งดำเนินการ จะทำให้การจัดตั้งของ 2 บริษัท เกิดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ จะส่งผลกระทบต่อ CAT และ TOT ที่เป็นบริษัทแม่ ซึ่งหากบริษัทแม่ขาดทุน ก็ต้องลดราคาสินค้าให้ถูกลง เพื่อให้เอกชนเข้ามาร่วมทุนซื้อสินค้าในราคาถูก โดยตั้งข้อสังเกตว่าบริษัท CAT และ TOT มีเคเบิลใยแก้วใต้น้ำ ซึ่งเอกชนไม่มี หากเอกชนเข้ามาร่วมทุน สุดท้ายแล้วทรัพย์สินที่เป็นสมบัติของชาติก็จะตกไปอยู่ในมือเอกชน” นายสังวรณ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชียงใหม่อากาศแปรปรวน เจอลมหนาว-ฝนตก 3 วันติด

ชาวเชียงใหม่เจอลมหนาวและฝนตกต่อเนื่อง 3 วันติด อุตุฯ ย้ำอากาศแปรปรวน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ยังมีฝนตกและลมหนาว แนะรักษาสุขภาพ

“อัจฉริยะ” ยื่นสอบปม “ทนายตั้ม” ปูดข่าวผู้บริหารปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ

“อัจฉริยะ” ยื่นหนังสือตรวจสอบข้าราชการช่วยผู้บริหารรัฐวิสาหกิจปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ คาดอาจมีทนายดังเข้าไปเอี่ยว เสนอตำรวจให้สอบพยานรายสำคัญที่เป็นประโยชน์กับ “มาดามอ้อย”

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

“บิ๊กอ้อ” เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” มีพฤติการณ์หนี-ยุ่งเหยิงพยานฯ

“บิ๊กอ้อ” ชี้ตำรวจต้องออกหมายจับ “ทนายตั้ม” เหตุพบพฤติการณ์เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้ยังมีคดีต่อเนื่อง 3 คดี เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นตอนเช้า-ภาคใต้ฝนหนัก

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นในตอนเช้า เตือนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง พร้อมอัปเดตเส้นทางพายุ “หยินซิ่ง”

MOU44

MOU 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง ตอนที่ 1

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องเอ็มโอยู 44 และเส้นแบ่งอาณาเขตทางทะเล หรือเส้นเคลม กลายเป็นปมร้อน ท่ามกลางความกังวลถึงผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และสิทธิเหนือเกาะกูด ติดตามความเห็นและมุมมองจากผู้เกี่ยวข้องในรายงาน “ปมร้อน เอ็มโอยู 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง”

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” สร้างตัวตนผ่านสื่อ หวังหาผลประโยชน์หรือไม่

หลังจากพนักงานสอบสวนควบคุมตัว “ทนายตั้ม” และภรรยา เข้าเรือนจำไปแล้ว มีคำถามตามมาว่า ทนายคนดังสร้างตัวตนจนโดดเด่นในสังคม เพื่อหาผลประโยชน์จากความน่าเชื่อถือที่สร้างไว้หรือไม่

ระเบิดปากีสถาน

ยอดเสียชีวิตจากเหตุระเบิดสถานีรถไฟปากีสถานเพิ่มเป็น 24 รายแล้ว

เหตุระเบิดสถานีรถไฟในเมืองเควตตา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถาน ตายเพิ่มเป็นอย่างน้อย 24 ราย บาดเจ็ดมากกว่า 40 ราย