กรุงเทพ 2 มิ.ย.-“พิธา” ย้ำไม่กังวลปมถือหุ้นไอทีวี หากตัดสินตามหลักฐาน ยังมั่นใจตั้งรัฐบาลได้ ส่วนตำแหน่งประธานสภายังมีเวลาในเดือนนี้ ขอให้ยึดตามทีมเจรจา เตรียมฝึกเล่นกีตาร์ร้องเพลงขอให้เหมือนเดิมกับ “อุ๊งอิ๊ง”
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการชี้แจงกรณีถูกกล่าวหาถือหุ้นไอทีวี ว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานจากคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ไปชี้แจง แต่เห็นว่าเรื่องนี้หากเป็นไปตามหลักฐานและหลักของกฎหมาย และตัดสินกันอย่างยุติธรรม ก็ไม่มีอะไรน่ากังวล
ส่วนที่มีการระบุว่า หากชี้ว่านายพิธาขาดคุณสมบัติจะส่งผลกระทบให้ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ทั่วประเทศนั้น จากการติดตามคำให้สัมภาษณ์ของนักวิชาการ และอดีต กกต.หลายคน ก็ระบุตรงกันว่า ไม่ใช่ใครผิดพลาดอะไร แล้วที่เหลือต้องมีการเลือกตั้งใหม่ และส่วนตัวยังมั่นใจในรายละเอียดของตัวเอง และยังมั่นใจว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้ การประสานงานทุกอย่างยังมีความสม่ำเสมอและเป็นไปในแนวโน้มที่ดี หาก กกต.รับรองเมื่อไหร่ ก็จะประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้โดยเร็ว และจัดตั้งรัฐบาลได้
สำหรับกรณีที่มีรายงานว่าข้อตกลงระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย เรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ข้อยุติแล้วนั้น นายพิธา กล่าวว่า จากการติดตามทวิตเตอร์ของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ออกมาบอกว่าจบแล้ว มีนิยามของมัน ไม่ได้บอกว่าจบแล้วที่ตัวบุคคล แต่ในความขัดแย้งนี้ มีกระบวนการในการแก้ไขปัญหาว่าจะทำอย่างไรให้เป็นประธานสภาของประชาชนได้ ตรงนั้นก็จะมีการพูดคุยกัน ซึ่งนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล การเจรจาและให้ได้ข้อยุติภายในเดือนมิถุนายน ตรงนั้นขอให้ยึดคำพูดของ นพ.ชลน่าน และนายชัยธวัช
ส่วน ส.ส.ของพรรคก้าวไกล มีถูกร้องเรียนบ้างหรือไม่ที่จะทำให้ กกต.ประกาศมาแล้วตัวเลขไม่ถึง 151 นั้น เท่าที่เห็นคือมีเรื่องของ น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว ว่าที่ ส.ส.จังหวัดปทุมธานี ที่น่าจะเป็นเรื่องคดีเกี่ยวกับ ม.112 แต่ตนเองยังไม่ได้ติดตามรายละเอียดกับทีมกฎหมายว่ามีประเด็นอะไรบ้าง และวันนี้ก็ต้องขอให้กำลังใจลูกพรรค น.ส.ชลธิชา ที่จะต้องขึ้นศาลโดยไม่มีทนายความในคดี ม.112 ก็เป็นกำลังใจให้ และหวังว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี เข้าไปทำงานรับใช้ประชาชนชาวปทุมธานีร่วมกับ ว่าที่ ส.ส.ที่ได้รับเลือกตั้งมา และมองว่าการรับรอง ส.ส.ช้าสุดน่าจะวันที่ 13 กรกฎาคม จะต้องรับรองอย่างน้อยร้อยละ 95 ตามกฎหมาย ซึ่งยอมรับว่าหากช้าไปโอกาสที่จะทำตามกระบวนการ ก็จะติดกระดุมเม็ดแรกไม่ได้ ไม่สามารถเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ ก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้ทำให้เกิดความล่าช้า ประชาชนก็คงเรียกร้อง กกต.ให้ทำได้เร็วมากขึ้นก็จะยิ่งเป็นประโยชน์กับประชาชน
สำหรับกรณีที่นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ออกมาเตือนพรรคก้าวไกลที่ไล่นายกรัฐมนตรีเก็บของว่าระวังจะฝันค้างนั้น นายพิธา กล่าวว่า ยังไม่เห็นว่านายเสกสกลพูดถึงอะไร เห็นแต่ข่าวนายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พูดด้วยความเข้าใจกันในลักษณะที่ว่าเมื่อมีการเปลี่ยนผ่านอำนาจ ปกติคนที่แพ้เลือกตั้งก็จะต้องแสดงความยินดีกับผู้ชนะ และยอมแพ้ส่งมอบงานให้กับรัฐบาลต่อไป ถ้าเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ดังนั้นจึงไม่หลุดไปจากหลักการตรงนี้ เหลือเพียงการพูดคุยประสานกับวุฒิสภาเท่านั้น
นายพิธา ยังกล่าวถึงกรณีที่จะมีคนไปร้องต่อ กกต. หากไม่สามารถขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ภายใน 100 วันตามที่ประกาศไว้ได้ ว่าใน 100 วันแรกตามกฎหมายต้องให้ไตรภาคี ซึ่งมีลูกจ้าง 5 คน นายจ้าง 5 คน และฝ่ายของรัฐอีก 5 คน จะมีการพูดคุยกัน ถ้าหากทางลูกจ้างเห็นว่าอัตรา 450 บาท ต่อวันเหมาะสม หากคูณวันทำงาน 20 วันก็ยังไม่ถึงหมื่นด้วยซ้ำ จึงคิดว่าน่าจะเป็นไปได้ที่ใน 100 วันแรกจะมีการเจรจากันเกิดขึ้น ขณะเดียวกันต้องใช้โอกาสนี้ทำความเข้าใจกับนายจ้าง หรือ SME ที่อาจจะมีผลกระทบ ซึ่งในการคุยไม่ได้จะพูดเฉพาะค่าแรงที่เพิ่มขึ้น แต่จะพูดถึงการปรับปรุง ศักยภาพความสามารถของแรงงาน รวมถึงการบรรเทาผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงให้ SME ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิธาให้สัมภาษณ์หลังจากออกรายการที่ช่อง 3 ซึ่งในรายการมีการเล่นกีตาร์ พร้อมกับบอกสื่อมวลชนด้วยว่าจะซ้อมเล่นกีตาร์ เพื่อไปร้องกับ นพ.ชลน่าน พร้อมกระเช้าที่เล่นจริงๆ ว่าหรือจะร้องเพลง “ขอให้เหมือนเดิม” กับ อุ้งอิ้ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เพราะเพลงนี้ก็ร้องได้ แล้วร้องเพลง เธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ กับ นพ.ชลน่าน.- สำนักข่าวไทย