กกต. วันนี้ ( 29 พ.ค.) ปม “พิธา” ถือหุ้นสื่อ ทำ กกต.หัวบันไดไม่แห้ง “นพรุจ” เข้าให้ปากคำต่อจาก “เรืองไกร” ด้าน “สนธิญา” จี้ กกต. ขอทราบไทม์ไลน์การพิจารณาคดี ให้ชัดเจนก่อนรับรอง ส.ส.-เลือกนายกฯ สวนกลับ “พระพยอม” ไม่ได้แกล้งพิธา แต่พิธา-ก้าวไกล ไม่จัดการตัวเองให้มีคุณสมบัติถูกต้องตามธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังช่วงเช้า นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เข้าให้ข้อมูล กับ กกต. กรณี ร้องเรียน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถือหุ้นสื่อ ต่อมานายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 เข้าให้ถ้อยคำต่อ กกต. ในคำร้องเดียวกัน โดยขอให้ กกต. เร่งพิจารณาและมีมติ ก่อนที่จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส่วนคำกล่าวที่ว่าขอให้นายพิธา ได้ทำหน้าที่บริหารประเทศไปก่อนเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้นั้น ส่วนตัวเห็นว่าจะต้องยึดโยงกฎหมาย ไม่ใช่กฎหมู่
ด้านนายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชนสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ตนไม่ได้ยื่นปมถือหุ้นสื่อ แต่ยื่นขอให้ กกต.เร่งรัดการพิจารณาการถือหุ้นสื่อ ก่อนประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง วันนี้จึงมาให้ถ้อยคำต่อ กกต. เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบความเสียหายขึ้นในวงกว้าง พร้อมขอเรียกร้องไปยังพรรคก้าวไกลว่า พรรคก้าวไกลและนายพิธา ผ่านความชอบธรรมในการที่จะถูกเสนอชื่อไปเป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยเหตุผลคือ กกต.อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อร้องเรียนผลการเลือกตั้ง เพื่อรับรองผลการเลือกตั้งให้ครบ 95% หรือ 476 คน เพื่อให้สามารถเปิดสภา เลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรและนายกรัฐมนตรี
โดยจะขอให้ กกต. พิจารณาว่าหาก กกต.จะส่งรายชื่อของนายพิธาที่มีข้อร้องเรียนไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ประธานสภาผู้แทนราษฎรไม่ว่าจะพรรคก้าวไกลหรือพรรคเพื่อไทยจะกล้าทูลเกล้าฯ เสนอชื่อนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ในขณะที่ กกต.ก็ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ประเทศไทยก็จะมีช่องว่างในการปกครอง และหากมีรัฐบาลรักษาการก็ไม่สามารถใช้อำนาจได้อย่างเต็มที่
“วันนี้ผมมาเร่งรัดและสอบถามไทม์ไลน์การพิจารณาของ กกต. เพื่อให้ประชาชนรู้ความจริง ว่าจะมีนายกฯ ได้เมื่อไหร่ และถ้าหากว่านายพิธาถือหุ้นจริงก็จะขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่าไม่ได้โกรธเคืองใครเป็นพิเศษ แต่เชื่อว่านายพิธาขาดคุณสมบัติ ส่วนการเคลื่อนไหวบนท้องถนนก็มีความเป็นไปได้ จากทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ถ้าคนไทยอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญและเคารพกฎหมาย ก็ไม่น่าจะเกิดปัญหาอะไร” นายสนธิญา กล่าว
เมื่อถามว่า มองอย่างไรกับคำพูดที่คนบอกว่าตอนนี้หลักนิติรัฐบิดเบี้ยว นายสนธิญา กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านการทำประชามติโดยประชาชนเกือบ 17 ล้านเสียง ต้องถามกลับว่าบิดเบี้ยวในลักษณะใด ฝ่ายไหนบอกว่าบิดเบี้ยว และรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านการใช้มาแล้ว 4 ปีในสภาผู้แทนราษฎร ถ้าเห็นว่าบิดเบี้ยวทำไมไม่คิดแก้ เหตุใดไม่ดำเนินการในช่วงที่อยู่ในสภาผู้แทนราษฎร และในขณะนั้นก็มี ส.ส.ของพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย และทุกพรรคที่สามารถดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ โดยไม่ต้องมาบอกว่าบิดเบี้ยว
“กราบนมัสการไปถึงพระพยอม ที่ออกมาบอกให้ผมหยุดเคลื่อนไหว แล้วให้นายพิธาซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ได้ทำหน้าที่ก่อนนั้น ผมขอย้ำว่า เรื่องนี้ไม่ใช่การกลั่นแกล้ง แต่เพราะนายพิธา และพรรคก้าวไกล ไม่จัดการตนเองให้มีคุณสมบัติถูกต้องตามธรรมนูญ จึงไม่มีสิทธิ์ลงสมัคร ไม่ใช่เรื่องชอบ-ไม่ชอบ เกลียด-ไม่เกลียด หรือไม่มีเมตตาธรรม แต่มันไม่มีการกระทำที่เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย”นายสนธิญา กล่าว .- สำนักข่าวไทย