พรรคภูมิใจไทย 26 เม.ย.- “ภูมิใจไทย” เปิดพรรครับ 15 ทูตอียู แจงสถานการณ์หลังเลือกตั้ง ย้ำจุดยืนไม่เอา ม.112 ค้านนายกฯ คนนอก จับขั้วกับ “ก้าวไกล” ได้หรือไม่ ขอดูก่อน คุย “อียู” ดันปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติด ประกาศรื้อกฎหมาย เตรียมปราศรัยใหญ่ กทม. 12 พ.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคภูมิใจไทย นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ให้การต้อนรับเอกอัครราชทูตจากกลุ่มสหภาพยุโรป 15 ประเทศ โดยเป็นการหารือ เพื่อสอบถามนโยบายและสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศว่า จะเกิดอะไรขึ้นหลังเลือกตั้ง ซึ่งนายอนุทินได้แสดงเจตนารมณ์ ของพรรคภูมิใจไทย รวมถึงจะมีการช่วยเหลือการอย่างไรในอนาคต ยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทย มีความพร้อมกับการเลือกตั้งครั้งนี้ มากว่า 1 ปี ตั้งแต่ ส.ส.ชุดปัจจุบัน ก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 เมื่อยุบสภาเราพร้อมส่งผู้สมัครที่มีความนิยมชื่นชมของประชาชนเข้าสู่สนามเลือกตั้ง
ทั้งนี้ ทางทูตอียู ได้สอบถาม ถึงท่าทีของพรรคภูมิใจไทยหลังเลือกตั้งว่าจะเป็นอย่างไร ได้ย้ำ 5 ประเด็นคือ 1.ยังไม่ได้พูดคุยกับใครในการกำหนดทิศทาง ทั้งที่จะเป็นผ่านรัฐบาลหรือบทบาทหน้าที่อื่น
2.ภูมิใจไทยจะยึดมั่นในกติกาทางการเมืองสากล ใครได้ส.ส.มากกว่า ก็เป็นแกนนำดำเนินกิจกรรมทางการเมือง พรรคลำดับแรกจัดตั้งรัฐบาลก่อน พร้อมสนับสนุนวิถีทางประชาธิปไตยให้มากที่สุด ไม่ว่าจะอยู่ขั้วไหน ส่วนตำแหน่งก็เป็นกติกาสากล
3. ได้หารือถึงปัญหาของผู้ประกอบการชาวประมง ซึ่งได้ฟังกับหูขณะเดินสายหาเสียง ถึงอุปสรรคและโอกาสที่ถูกปิดกั้นของประชาชน จากมาตรฐานที่กำหนดของอียู ซึ่ง เรา ได้ หยิบ ยก เรื่องนี้ ขึ้นมาในวงพูดคุย ว่าขณะนี้เวลาเปลี่ยนไปหลายปีแล้ว รัฐบาลก่อนมีความจำเป็นที่ต้องปฏิบัติตามสถานการณ์ ประเทศที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่เป็นปัญหาและอุปสรรคเหล่านี้ จุดยืนพรรคภูมิใจไทยหากได้กลับเข้ามาบริหารประเทศ เราจะนำมาแก้ไข เจรจาใหม่ กำหนดเงื่อนไข และนำเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อลดขั้นตอนความยุ่งยากและไม่มีทางที่พรรคภูมิใจไทย จะเห็นคนที่ไม่ได้อยู่เมืองไทยดีกว่าคนไทย
ส่วนท่าทีของทูตเป็นอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีใครปฏิเสธ ทุกคนรับทราบปัญหาของประมงไทยมาระยะหนึ่ง ซึ่งปัญหาอุตสาหกรรมประมง ขณะนี้ได้ขยายวงกว้าง เชื่อว่าการเรียกร้องของเราผู้ค้ารับทราบ เพราะขณะนี้ปัญหาไม่ได้ยาก ขึ้นอยู่กับกฎระเบียบที่ต้องแก้ไข ที่ทำให้อุปสรรคถูกกำจัดออกไป เพราะอย่างไร เขาต้องบริโภคอาหารของเรา ถ้าเรามั่นใจในคุณค่าอาหารทะเลของเรา เราต้องใช้จุดแข็งเพื่อเจรจาต่อรองเราต้องปกป้องเกษตรกรของเราเป็นภารกิจที่พรรคภูมิใจไทยต้องเข้ามาแก้ไข
4. เราถูกถามถึงสถานการณ์การเลือกตั้ง ว่าจะยุติธรรมโปร่งใส มีการยุบพรรคหรือไม่ว่า เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เข้าใกล้ระบอบประชาธิปไตยมากที่สุดแล้ว ติดอยู่อย่างเดียวคือการเลือกนายกรัฐมนตรีที่ให้ส.ว.โหวตร่วมด้วย ซึ่งตนได้แจ้งว่า ขอให้หมดไปตามกาลเวลา 24 มีค 67 บทเฉพาะกาลจะหมดไปแล้ว ป่วยการที่ จะไปคิดไปพูดเพราะเราต้องรักษาประชาธิปไตย ให้มากที่สุด ป้องกันไม่ให้อำนาจนอกระบบเอาประชาธิปไตยออกไปจากมือประชาชน ถ้าเป็นฝ่ายค้านต้องทานเพื่อประโยชน์ประชาชนไม่ใช่ค้านเพื่อสาดสีสาดโคลนทำให้เกิดการด้อยค่า เพราะเมื่อถึงจุดหนึ่งผู้บริหารประเทศต้องหันมาสาดโคนด้วยซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคภูมิใจไทยจะไม่มีวันทำ เพราะที่ผ่านมาเราถูกสาดสี ด้อยค่า สบประมาท แต่เราพิสูจน์ด้วยผลงาน
5. พร้อมย้ำจุดยืนในการเทิดทูนสถาบัน ใครที่แตะมาตรา 112 เราร่วมงานไม่ได้ เป็นข้อจำกัดที่เราจะไม่ร่วม และไม่จะเอามาตรา 272 เพราะนายกรัฐมนตรีต้องมาจากส.ส. และต้องมาจากบัญชีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีคนนอก ไม่มีวันสนับสนุน ไม่ว่าพรรคจะได้ร่วม หรือไม่ร่วมรัฐบาล เพราะถือเป็นกระบวนการที่ แฝงอยู่ในประชาธิปไตยแต่ไม่เป็นประชาธิปไตย
เมื่อถามว่า ถ้าพรรคก้าวไกลไม่เสนอแก้มาตรา 112 จะสามารถจับขั้วกันได้หรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า ถึงตอนนั้นค่อยมาว่ากัน ว่าจะร่วมหรือไม่ร่วม เพราะขณะนี้อยู่ที่ข้อเสนอของแต่ละพรรคของเราต้องผลักดันกฎหมายกัญชาเข้าสภาก่อน
ส่วนเหตุใดที่คณะทูตอียูเลือกพรรคภูมิใจไทย เพื่อมาหารือในครั้งนี้ นายอนุทิน ชี้แจงว่า ทางคณะแจ้งว่า เขาไปหาพรรคที่เชื่อว่าจะมีบทบาทสำคัญ ในการกำหนดทิศทางทางการเมืองหลังเลือกตั้ง ส่วนอียูอยากเห็นโฉมหน้ารัฐบาลใหม่อย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า เขาสนับสนุนประชาธิปไตยเต็มที่
ส่วนได้มีการสอบถามนโยบายกัญชาหรือไม่ นายอนุทิน เผยว่า มีทูต 1 ประเทศ สอบถาม และเรายืนยันว่าเราทำสำเร็จคือการปลดล็อคกัญชาออกจากพืชยาเสพติด และใช้กฎหมายของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อควบคุมป้องกัน และเมื่อเราสามารถกลับเข้าไปในสภาได้อีกครั้งอันดับต้นๆ คือเร่งผลักดันร่าง พ.ร.บ.กัญชากัญชง ที่ค้างแต่ไม่ได้ตก เข้าสู่สภา เอาเป็นร่างที่ผ่านการลงมติ กมธ. วิสามัญร่างพ.ร.บ.กัญชงกัญชาแล้ว
เมื่อถามถึง ประเด็นเรื่องยุบพรรค มองว่าอย่างไร นายอนุทิน บอกว่า ให้เขาไปดูสิ พรรคที่ถูกยกยิ่งใหญ่ขึ้นทุกวันคนที่สิ้นสภาพคือพรรคและผู้บริหารแต่สมาชิก ไม่ได้สิ้นสภาพไปด้วย ดังนั้นการยุบพรรคจึงไม่ใช่การแก้ไขปัญหา แต่จะยิ่งขยายความแตกแยกความเกลียดชังเข้าไป หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็เคยอยู่บ้าน 111 ย้อนถามว่าหยุดได้หรือไม่ ดังนั้นการหยุดพักไม่ใช่คำตอบสุดท้าย และไม่ใช่หนทางการได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองแต่อย่างใด ส่วนข่าวการยุบพรรคจะจริงหรือไม่นั้น ไม่ทราบ เพราะขณะนี้ภูมิใจไทยไม่ได้ติดต่อกับใคร เสพข่าวเหมือนชาวบ้านทั่วไป นายอนุทิน ยัง เปิดเผยว่าพรรคภูมิใจไทยมีกำหนดการปราศรัยใหญ่ ปิดท้าย ในวันที่ 12 พฤษภาคม ที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งยังไม่ได้กำหนดสถานที่.-สำนักข่าวไทย