กรมสุขภาพจิต 31 พ.ค.- กรมสุขภาพจิต พบนักเรียนมัธยมกว่า 3 แสนคน ติดบุหรี่งอมแงม ห่วงอนาคต เพราะฤทธิ์ “นิโคติน”เล่นงานสมอง ทั้งฉุดไอคิวลดลง เสี่ยงป่วยโรคทางใจ
น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวง สาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า วันที่ 31 พ.ค.ทุกปีองค์การอนามัยโลกประกาศให้เป็นงดสูบบุหรี่โลก ให้ประเทศสมาชิกทั่วโลกรณรงค์ให้ประชาชนลดละเลิกสูบบุหรี่ ปีนี้กำหนดคำขวัญว่า“บุหรี่”เป็นภัยคุกคามต่อการพัฒนา” (Tobacco: a threat to development) Ffpประเด็นที่น่าห่วงสำหรับประเทศไทยขณะนี้คือกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งเป็นอนาคตสำคัญของประเทศ ผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติล่าสุดในปี 2557 พบว่าวัยรุ่นอายุ 15-24 ปี สูบบุหรี่ 1.4 ล้านกว่าคน เฉลี่ยเริ่มสูบครั้งแรกอายุน้อยลงเริ่มที่ 16 ปี
ขณะที่ผลสำรวจของสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต ปี2559 สำรวจกลุ่มนักเรียนอายุ 13-17 ปี ที่กำลังศึกษาในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นถึงมัธยมตอนปลายหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพปี 1-3 ทุกสังกัดการศึกษา พบว่ามีเด็กสูบและติดบุหรี่ขั้นงอมแงม ( Tobacco abuse ) ร้อยละ 5.8 หรือประมาณ 230,000 คน จากเด็กกลุ่มวัยนี้ที่มีทั้งหมด 4 ล้านกว่าคน และมีอีกร้อยละ 2.4 หรือประมาณ 96,000 คน ที่ติดบุหรี่อย่างหนัก ( tobacco dependence) หากหยุดสูบจะมีอาการไม่สบายที่เรียกว่าถอนบุหรี่ เช่น รู้สึกหดหู่ใจไม่สบาย หรือมีอารมณ์ซึมเศร้า นอนไม่หลับ หงุดหงิด โกรธง่าย ไม่มีสมาธิ ซึ่งเกิดมาจากการขาดสารนิโคติน เป็นประเด็นที่น่าเป็นห่วงมาก เนื่องจากมีผลการวิจัยของสถาบันสุขภาพจิตในต่างประเทศ พบว่ากลุ่มที่สูบบุหรี่มีระดับไอคิว( IQ) ต่ำกว่ากลุ่มไม่สูบประมาณ 7 จุด สังคมจึงต้องเร่งช่วยกันป้องกัน ไม่ให้เด็กและเยาวชนตกเป็นเหยื่อของบุหรี่ทุกประเภท โดยหากต้องการเลิกสูบบุหรี่ สามารถเข้ารับบริการปรึกษาที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน หรือโทรปรึกษาสายด่วน 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง
ด้าน พญ.มธุรดา สุวรรณโพธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กล่าวว่า วัยรุ่นเป็นวัยที่สมองกำลังพัฒนา ยังไม่สมบูรณ์แบบ สาเหตุที่ทำให้วัยรุ่นสูบบุหรี่มีหลายปัจจัย ทั้งตัววัยรุ่นเองซึ่งเข้าสู่ในระยะเปลี่ยนผ่านจากวัยเด็กเป็นวัยผู้ใหญ่ จะมีความรู้สึกว่าตนเองก็เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ทำทุกอย่างได้เหมือนผู้ใหญ่ อยากรู้อยากลอง หรือทดสอบความเข้มแข็งจิตใจของตนเอง รวมทั้งปัจจัยทางสังคมสิ่งแวดล้อมอิทธิพลของเพื่อนและการเลียนแบบจากสื่อต่างๆที่พบเห็น เป็นที่ยอมรับของเพื่อนและเพศตรงข้าม และปัจจัยสำคัญที่ต้องทำให้สูบเรื่อยๆคือนิโคตินที่อยู่ในบุหรี่ทั้งบุหรี่ทั่วไปและบุหรี่ไฟฟ้า ในบุหรี่ 1 มวนจะมีสารนิโคตินประมาณ 10 มิลลิกรัม เมื่อสูบเข้าไปนิโคตินจะเข้าสู่สมองภายใน 10-15 วินาที
“ผลวิจัยของวงการจิตแพทย์ระดับโลก ระบุว่านิโคตินจะออกฤทธิ์กระตุ้นที่สมองส่วนหน้าที่มีชื่อว่า คอร์เทกซ์ (Prefrontal cortex ) ทำหน้าที่คล้ายกุญแจเข้าไปปลดล็อคโมเลกุลของประสาทตัวรับรู้ ให้ทำหน้าที่ปล่อยสารสื่อประสาทชื่อโดปามีน ( Dopamine ) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดความพอใจ สุขใจ ทำให้ผู้สูบรู้สึกดีขึ้น และจะทำให้ร่างกายสูญเสียความสามารถในการสร้างโดปามีนด้วยตัวเอง ยิ่งสูบมากก็จะมีประสาทตัวรับรู้และตัวสั่งมากขึ้น จึงเกิดความต้องการนิโคตินมากขึ้นวนไปวนมา เมื่อสมองวัยรุ่นถูกกระตุ้นอยู่ในสภาพนี้นานๆ จะทำให้เกิดผลข้างเคียงคืออาการวิตกกังวล อาการซึมเศร้า จึงต้องสูบเพื่อเติมนิโคตินเข้าไป ให้ความรู้สึกกลับคืนมา จึงกล่าวได้ว่าบุหรี่มีผลกระทบต่อสุขภาพจิตโดยตรง และผลวิจัยยังพบว่า บุหรี่เป็นยาเสพติดต้นทาง ( Gateway) ของวัยรุ่นที่สูบบุหรี่เป็นเวลานาน นำไปสู่การเสพยาเสพติดชนิดร้ายแรงขึ้น เช่น โคเคน เมทแอมเฟตามีน รวมทั้งเหล้า เป็นต้น และมีผลการศึกษาในหนูทดลองด้วยว่ามีผลกระตุ้นความต้องการทางเพศเพิ่มขึ้น” พญ.มธุรดากล่าว
สำหรับการช่วยเหลือและบำบัดรักษาผู้ที่ติดบุหรี่จะแตกต่างกันตามระยะเวลาที่สูบและระดับความรุนแรงของการติด ในผู้ใหญ่มักจะมีอาการคล้ายถอนยาที่รุนแรง เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเป็นตัวกระตุ้นให้อยากสูบ แต่ในวัยรุ่นอาการถอนยาจะรุนแรงน้อยกว่าแต่มีโอกาสพัฒนาไปใช้ยาเสพติดชนิดอื่นสูงกว่าผู้ใหญ่ ส่วนใหญ่วัยรุ่นที่สูบบุหรี่มักมีระดับความรุนแรงของการติดนิโคตินเล็กน้อยถึงปานกลาง การบำบัดรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดคือการบำบัดทางจิตสังคม คือการประเมินแรงจูงใจและการปรับพฤติกรรม การให้คำปรึกษาทั้งรายบุคคล รายกลุ่มซึ่งมีผู้ปกครองด้วย เนื่องจากผลการศึกษาพบว่าการบำบัดด้วยยาอย่างเดียว อาจมีผลเสียตามมา เช่นติดนิโคตินเพิ่มมากขึ้น .-สำนักข่าวไทย