รัฐบาลลุย “ลด-ป้องกัน” ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์

ทำเนียบ 8 ม.ย. –รัฐบาลเดินหน้าขับเคลื่อนแนวทางปฏิบัติ ลด-ป้องกันปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ให้รวดเร็วขึ้น หลัง พ.ร.ก.ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 มีผลบังคับใช้


นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินหน้าขับเคลื่อนแนวทางปฏิบัติเพื่อคุ้มครองประชาชนจากการหลอกลวงผ่านโทรศัพท์ หรือวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพมากขึ้นหลังมีการประกาศพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2566 เป็นต้นมา ซึ่งขณะนี้รัฐบาลโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ประสานความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงาน กสทช. ธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สำนักงาน ปปง. และสำนักงาน ก.ล.ต. เตรียมความพร้อมเกี่ยวกับกระบวนการดำเนินงานและช่องทางสำหรับให้บริการประชาชนได้สะดวกและรวดเร็ว โดยเร่งรัดการดำเนินงาน เพื่อจัดทำกระบวนการทำงานตามที่กำหนดใน พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 และบริการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเร่งด่วน เนื่องจากปัจจุบันยังพบมีประชาชนถูกหลอกลวงจำนวนมากและมูลค่าความเสียหายสูงด้วย ซึ่งการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการตาม พ.ร.ก.ดังกล่าวคาดว่าจะเป็นกลไกสำคัญในการหยุดและป้องกันอาชญากรรมออนไลน์ ตลอดจนหยุดวงจรการโอนเงินไปยังต่างประเทศได้รวดเร็วขึ้น

ทั้งนี้ ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทย ได้เชื่อมโยงข้อมูลเข้าหากันทั้งหมดผ่านระบบกลางแล้ว โดยเมื่อได้รับแจ้งจากผู้เสียหายจะสามารถยับยั้งธุรกรรมต้องสงสัยได้อย่างรวดเร็ว โดยเป็นการทำงานแบบอัตโนมัติ (Automation) นอกจากนี้ ยังได้จัด Workshop ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสรุปแนวทางบริหารจัดการทุจริตออนไลน์จากการทำธุรกรรมการเงิน เพื่อรองรับการบริการผู้เสียหายสามารถโทรแจ้งให้ธนาคารระงับธุรกรรมต้องสงสัยได้ทันที และยับยั้งการโอนเงินทุกธนาคารที่รับโอนเงินต่อเป็นการชั่วคราว ซึ่งหลังจากแจ้งธนาคารแล้ว ให้ผู้เสียหายแจ้งความกับพนักงานสอบสวนได้ทั่วประเทศ หรือผ่านระบบการรับแจ้งความออนไลน์ภายใน 72 ชั่วโมง และพนักงานเจ้าหน้าที่จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนให้แล้วเสร็จภายใน 7 วันหลังจากได้รับแจ้ง ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ได้เตรียมการรองรับในส่วนพนักงานสอบสวนและระบบการรับแจ้งความออนไลน์ เพื่อเร่งจับกุมผู้กระทำความผิดฐานเปิดบัญชีม้าและซิมม้า รวมทั้งผู้เป็นธุระจัดหาหรือโฆษณาบัญชีม้าและซิมม้ามาดำเนินคดีเพื่อตัดวงจรอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งบทลงโทษสูงสุดของผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมออนไลน์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


นายอนุชา ย้ำว่าในส่วนของสำนักงาน กสทช. และผู้ให้บริการโทรศัพท์ กำลังอยู่ระหว่างจัดเตรียมระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ เพื่อสนับสนุนการสืบสวนสอบสวนของพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้ให้บริการโทรศัพท์และพนักงานเจ้าหน้าที่ รวมถึงระหว่างผู้ให้บริการโทรศัพท์กันเองได้รวดเร็วขึ้น เพื่อนำมาใช้ประกอบการดำเนินคดีและจับกุมผู้กระทำความผิดมาลงโทษ อีกทั้ง กสทช. และผู้ให้บริการโทรศัพท์ยังได้ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลฯ ปิดกั้น SMS และเบอร์โทรศัพท์ที่เข้าข่ายหลอกลวงผิดกฎหมายมาอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงสำนักงาน ปปง. ได้แต่งตั้งคณะทำงานกำหนดรายชื่อบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงซึ่งควรได้รับการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เป็นผู้พิจารณากำหนดรายชื่อดังกล่าว ขณะนี้มีการกำหนดรายชื่อประเภทรายชื่อบุคคลผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐาน หรือเป็นเจ้าของบัญชีเงินฝากธนาคารที่ถูกใช้ในการกระทำความผิดมูลฐานกรณีพนักงานสอบสวนยังไม่รับเป็นเลขคดีอาญา แล้วได้แจ้งรายชื่อผู้กระทำผิดกฎหมาย ประมาณ 1,000 รายชื่อ ให้สถาบันการเงินเพื่อเฝ้าระวังและป้องกันการทำธุรกรรมการเงินที่อาจสร้างความเสียหายต่อไป

“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่หรือเทคโนโลยีดิจิทัลในปัจจุบันให้เกิดประโยชน์สูงสุด ปลอดภัย และรู้เท่าทันกลหลอกลวงต่างๆ ที่มาพร้อมเทคโนโลยี ซึ่งการขับเคลื่อนกิจกรรมและแนวทางปฏิบัติในการทำงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 เป็นเรื่องที่มีความสำคัญในการร่วมกันดำเนินงานอย่างจริงจัง เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนจากการถูกหลอกลวงผ่านโทรศัพท์ หรือวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดขึ้นให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วมีประสิทธิภาพขึ้น นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีขอให้ทุกหน่วยงานช่วยกันสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่องถึงความตระหนักรู้เกี่ยวกับการใช้อินเทอร์เน็ตหรือเทคโนโลยีต่าง ๆ อย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์ เพื่อให้ประชาชนรู้เท่าทันต่อเหตุที่เกิดขึ้น และขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมกันทำงานขับเคลื่อนตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ รวมถึงการลดและป้องกันให้ประชาชนปลอดภัยจากการถูกหลอกลวงดังกล่าว” นายอนุชา กล่าว .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เหล้าเถื่อนลาว

เสียชีวิตรายที่ 6 คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว

คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตเพิ่มรายที่ 6 เป็นหญิงชาวออสเตรเลีย เสียชีวิตขณะรักษาตัวในไทย

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ.

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ช่วยปฏิบัติราชการที่กองบัญชาการกองทัพบก หลังถูกร้องทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมช่วยเจ้าทุกข์ย้ายหน่วยตามร้องขอ

ไฟไหม้โรงงานพัดลม เผาวอดเสียหายกว่า 50 ล้าน

ไฟไหม้โรงงานผลิตพัดลมรายใหญ่ จ.สมุทรสาคร ระดมรถดับเพลิงระงับเหตุ กว่า 5 ชม. จึงควบคุมไว้ได้ในวงจำกัด เบื้องต้นเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง

ศึกชิงนายก อบจ.เพชรบุรี แชมป์เก่ายังแรง

เลือกตั้งนายก อบจ.เพชรบุรี ไม่คึกคัก ผลไม่เป็นทางการ “ชัยยะ อังกินันทน์” แชมป์เก่า คะแนนนำทิ้งห่างคู่แข่ง ด้านเลขาฯ กกต. เผยภาพรวมทั้ง 3 จังหวัด คนมาใช้สิทธิน้อย คาดเบื่อเลือกตั้ง 2 รอบ

คะแนนไม่เป็นทางการ เลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ

ลุ้นผลคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช นับเสร็จแล้วบางหน่วย ล่าสุด ณ เวลา 19.40 น. “วาริน ชิณวงศ์” เบอร์ 2 จากทีมนครเข้มแข็ง ชนะคู่แข่งขาดลอยในหลายหน่วย คะแนนทิ้งห่างแชมป์เก่า “กนกพร เดชเดโช” เบอร์ 1 จากพรรค ปชป.

ลุ้นผลเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ขณะนี้การนับคะแนนตามหน่วยต่างๆ เสร็จสิ้นแล้ว อยู่ในขั้นตอนการรวมคะแนน ซึ่งในเขตเมือง ผลปรากฏว่าผู้สมัครจากพรรคประชาชนมีคะแนนนำ แต่อำเภอรอบนอก ตัวแทนพรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำอยู่หลายหน่วยเลือกตั้ง