ศาลปกครองสูงสุด 7 เม.ย. – ศาลปกครองสูงสุดยกฟ้องแบ่งเขต กทม. ชี้ กกต. ทำถูกต้องตามกฎหมาย ด้าน “อรรถวิชช์” ไม่ได้หวังจะให้ชาติพัฒนากล้าได้เปรียบการเมือง แต่ห่วงประชาชนสับสน
ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายกฟ้องในคดีที่นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ผู้สมัครส.ส.กทม. ยื่นฟ้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีขอให้เพิกถอนประกาศ กกต.เรื่องแบ่งเขตเลือกตั้งที่ประกอบเป็นเขตเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร หลังพบว่าการแบ่งเขตดังกล่าวอาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 มาตรา 27 (1) ให้รวมอําเภอต่าง ๆ เป็นเขตเลือกตั้ง โดยคํานึงถึงพื้นที่ที่ติดต่อใกล้ชิดกัน ความสะดวกในการคมนาคมระหว่างกัน และการเคยอยู่ในเขตเลือกตั้งเดียวกัน ถ้าการรวมอําเภอในลักษณะนี้ จะทําให้มีจํานวนราษฎรมากหรือน้อยเกินไป ให้แยกตําบลของอําเภอออก เพื่อให้ได้จํานวนราษฎรพอเพียงสําหรับการเป็นเขตเลือกตั้ง แต่จะแยกหรือรวมเฉพาะเพียงบางส่วนของตําบลไม่ได้
ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า การแบ่งเขต กทม. กกต.มีอำนาจในการกำหนดรูปแบบการแบ่งเขตตามที่เปิดให้พรรคการเมืองและประชาชนได้แสดงความคิดเห็นแล้ว ซึ่งเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ ส่วนรูปแบบการแบ่งเขตที่กกต.เลือกมาใช้ ก็ตรงตามรัฐธรรมนูญและระเบียบข้อบังคับว่าด้วยวิธีการแบ่งเขตเลือกตั้งแล้ว ซึ่งเป็นการใช้ดุลพินิจ ตามเหตุและผล เป็นการกระทำโดยสุจริตตามกรอบของกฎหมายเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
ส่วนรูปแบบที่ 3 และ 4 ซึ่งเป็นรูปแบบที่นายอรรถวิชช์ เห็นว่ามีความเหมาะสม รวมถึงมีประชาชนและพรรคการเมืองเข้าไปแสดงความคิดเห็นเลือกรูปแบบทั้ง 2 เป็นจำนวนมาก ศาลพิจารณาจากข้อเท็จจริงของ กกต. เห็นว่าเมื่อเปรียบเทียบจำนวนประชากรพบว่าทั้งสองรูปแบบมีจำนวนประชากรในแต่ละเขตเกินกว่า 10% ถึง 20 บางเขตมีความต่างสูงมาก เช่น เขต 18 ที่มีจำนวนประชากรเฉลี่ยสูงถึง 27% จากจำนวนประชากรทั้งหมดของกรุงเทพมหานคร ทำให้จำนวนประชากรไม่ได้ใกล้เคียงกันตามที่กฎหมายและระเบียบกำหนดศาล จึงพิพากษายกฟ้องคำร้องของนายอรรถวิชช์
ด้านนายอรรถวิชช์ กล่าวว่า คำพิพากษาวันนี้จะเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ ให้กับ กกต. พิจารณาการแบ่งเขตในอนาคต โดยยึดหลักเกณฑ์ไม่เกิน 10% ของจำนวนประชากร และหลังจากนี้การแบ่งเขตจะเกิดความไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับ กกต. จะเป็นผู้กำหนดเงื่อนไข แต่เกรงว่าประชาชนอาจเกิดความสับสนจากการแบ่งเขตที่จะเกิดขึ้นได้ เนื่องจากเกิดความไม่แน่นอน
“ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหน เชื่อว่าทุกพรรคก็พร้อมสู้ในทุกรูปแบบของการแบ่งเขตอยู่แล้ว แต่จะเป็นบรรทัดฐานใหม่ในอนาคตในระบบการแบ่งเขตว่าจะเกิดความไม่แน่นอน และไม่ได้คาดหวังว่าการฟ้องร้องครั้งนี้จะส่งผลทำให้พรรคชาติพัฒนากล้าได้เปรียบหรือเสียเปรียบทางการเมือง แต่ทำเพื่อทุกพรรคการเมือง ให้เกิดความชัดเจนเรื่องการแบ่งเขตเท่านั้น” นายอรรถวิทย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายกฟ้องคำร้องของนายพัฒนา สัพโส ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส.จ.สกลนคร นายวิรัตน์ วิริยะพงษ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.สุโขทัย และนายพัฒ ตั้งเบญจผล ผู้แทนพรรคประชาธิปัตย์จากสุโขทัย ที่ยื่นฟ้องในกรณีเดียวกันด้วย.-สำนักข่าวไทย