อินโดนีเซีย 25 พ.ค.-ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด แห่งอินโดนีเซีย สั่งสอบสวนเหตุระเบิดฆ่าตัวตายถึง 2 ครั้ง ที่เกิดขึ้นใกล้สถานีรถโดยสารใจกลางกรุงจาการ์ตาเมื่อคืนนี้ โดยมุ่งสังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่งผลให้ตำรวจเสียชีวิตไป 3 นาย ขณะที่มือระเบิดฆ่าตัวตาย 2 คน เสียชีวิตทันที นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีก 10 คน ขณะนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายใด แต่สันนิษฐานว่าอาจเป็นไอเอส
เหตุเกิดขณะที่ตำรวจกำลังอารักขาความปลอดภัยให้แก่ขบวนพาเหรด แต่กลับถูกโจมตีเสียเอง อินโดนีเซียเป็นประเทศมุสลิมใหญ่ที่สุดในโลก แต่ก็ถือเป็นมุสลิมสายกลาง ไม่นิยมความรุนแรง แต่ได้ทำการปราบปรามกลุ่มนักรบหัวรุนแรงอย่างหนักมาตั้งแต่เกิดเหตุวางระเบิดบนเกาะบาหลี เมื่อปี 2002 ที่คร่าชีวิตผู้คนไปถึง 202 คน แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กลุ่มหัวรุนแรงในประเทศที่ฝักใฝ่ไอเอสได้เปิดการโจมตีก่อการร้ายบ่อยครั้งขึ้น สำหรับสถานีกัมปัง เมลายู ที่ถูกโจมตีล่าสุด เป็นศูนย์กลางการขนส่งท้องถิ่นรองรับทั้งรถมินิบัสและรถบัส ตั้งอยู่ในเขตชนชั้นแรงงาน ไม่เป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติหรือนักท่องเที่ยว ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ระเบิด 2 ลูกดังห่างกัน 10 นาที เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทั้งนี้นักรบหัวรุนแรงจำนวนมากในอินโดนีเซีย ได้เดินทางไปร่วมรบกับไอเอส ทั้งในอิรักและซีเรียและหลายคนเดินทางกลับบ้าน เพื่อก่อเหตุรุนแรงในประเทศ ของตัวเอง ล่าสุดไอเอสเพิ่งก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายแบบนี้ในกรุงจาการ์ต้า เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไป 8 ราย นับเป็นครั้งแรกที่ไอเอสอ้างลงมือก่อเหตุร้าย ในภูมิภาคอาเซียน
ส่วนฟิลิปปินส์เองก็ถูกไอเอสคุกคามหนัก หลังเมืองมาราวีบนเกาะมินดาเนาทางตอนใต้ของประเทศ ถูกกลุ่มนักรบที่เข้าร่วมขบวนการกับไอเอสบุกยึดเมือง และจับบาทหลวง พร้อมคริสตศาสนิกชนไว้เป็นตัวประกัน แถมยังตัดคอผู้บัญชาการตำรวจ และขู่ฆ่าตัวประกันทุกคน ถ้าทหารฟิลิปปินส์บุกเข้ามา ขณะที่ประธานาธิบดีดูเตอร์เต ขู่ประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศ จากปัจจุบันที่ประกาศกฎอัยการศึกเฉพาะบนเกาะมินดาเนาเท่านั้น และว่าเขาจะทำทุกวิถีทาง เพื่อปราบปรามกลุ่มหัวรุนแรงให้ราบคาบ การปะทะกันอย่างหนักระหว่างกองกำลังฟิลิปปินส์ และกลุ่มคนร้ายในเมือง ซึ่งคาดว่ามีประมาณ 100 คน ส่งผลให้ชาวเมืองต้องอพยพหลบหนีกันจ้าละหวั่น.-สำนักข่าวไทย