พรรคชาติพัฒนากล้า 8 มี.ค.- “กรณ์” จวกรัฐบาลประกาศปัญหาฝุ่นเป็นวาระแห่งชาติ แต่ฝุ่นยังคลุมเมือง ไม่มีมาตรการชัดเจน แนะใช้ “พันธบัตรป่าไม้” เพิ่มพื้นที่ป่า
นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ช่วงนี้หลายพื้นที่ของประเทศไทยฝุ่น P.M 2.5 สร้างปัญหาให้ประชาชนทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานคร ปริมาณฝุ่นสูงเกินมาตรฐานส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ส่วนหนึ่งเพราะสภาวะอากาศเย็น หรืออาจจะเป็นฤดูการเพาะปลูก การเผาไร่เกษตร ทำให้ปริมาณฝุ่นสูงมากกว่าปกติ และไม่สามารถหนีฝุ่นไปไหนได้ ในฐานะนักการเมืองตระหนักว่าเรื่องนี้ถ้าไม่ช่วยกันคิดช่วยกันทำไม่ได้ ตนร่วมรณรงค์เรื่องนี้มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพราะอย่างน้อยก็เป็นคนหนึ่งที่มีสตางค์ซื้อเครื่องฟอกอากาศให้ตัวเองและครอบครัวได้ แต่อากาศบริสุทธิ์ควรเป็นสิทธิของทุกคน ไม่ควรเป็นเรื่องที่เป็นสิทธิเฉพาะคนมีเงิน
“รัฐบาลนี้ประกาศเรื่องฝุ่นเป็น วาระแห่งชาติมาหลายปี แต่ก็ยังไม่เห็นมาตรการที่ส่งผล ผมร่วมรณรงค์และลงชื่อกฎหมายอากาศสะอาดของประชาชนมาตั้งแต่ 3 ปีก่อน แต่กฎหมายนี้ยังไม่ผ่านการพิจารณาในสภาฯ จนสภาฯ จะหมดวาระแล้ว ก็เลยยังไม่มีมาตรการชัดเจน สังเกตได้ว่าปัญหาเรื่องฝุ่นจะมีเป็นฤดูกาล พอสรุปได้ว่าต้นตอปัญหาน่าจะมาจากพฤติกรรมที่เกิดขึ้นตามฤดูกาลเช่นเดียวกัน นั่นหมายความว่าสภาพอากาศจะเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา ภาคอุตสาหกรรม การขนส่ง และพลังงานเป็นแหล่งที่มาของฝุ่น แต่มากกว่านั้นคือการเผาที่การเกษตรในช่วงฤดูการนี้ เราทราบกันดีว่าพฤติกรรมการเผามีเหตุผลและเงื่อนไขจากทางเศรษฐกิจ เราจึงต้องแก้ด้วยตรรกะทางเศรษฐกิจ คือสร้างแรงจูงใจไม่ให้เกิดการเผา” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว
นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้าเสนอเรื่องพันธบัตรป่าไม้ที่ได้แนวคิดจาก อ.ศศิน เฉลิมลาภ และ อ.อดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา คือการออกพันธบัตร 65,000 ล้านบาทเพื่อเป็นต้นทุนการปลูกป่าไม้เศรษฐกิจ 26 ล้านไร่ เพื่อให้พื้นที่ป่ากลับไปเป็น 40% ของพื้นที่ประเทศ ที่ผ่านมาเราใช้งบฟื้นฟูป่าปีละหลายร้อยล้านบาท แต่ไม่สามารถช่วยเพิ่มพื้นที่ป่าได้ และเม็ดเงินไม่เพียงพอ หากใช้ปีละ 500 ล้านบาทอย่างมีประสิทธิภาพ ยังต้องใช้เวลาถึง 120 – 130 ปีเพิ่มพื้นที่ป่า 26 ล้านไร่ แต่ด้วยนโยบายพันธบัตรป่าไม้ หัวใจคือการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้ชาวไร่ เราจะเพิ่มพื้นที่ป่า เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร และลดการเผาพื้นที่เกษตรได้พร้อมกัน
“สิ่งที่พรรคชาติพัฒนากล้ามั่นใจว่านโยบายพันธบัตรป่าไม้ มีความเป็นไปได้เนื่องจาก รัฐบาลนี้ได้ปลดแอกสิทธิการปลูกและตัดไม้เนื้อแข็ง 58 ชนิด เป้าหมายหลักพื้นที่ฟื้นฟูกลับเป็นป่าคือแปลงข้าวโพดและพืชเศรษฐกิจอื่นๆที่เคยเป็นป่าแต่เดิม โดยที่โครงการป่าเศรษฐกิจจะเป็นแหล่งรายได้ที่ดีกว่าและยั่งยืนกว่าให้กับเกษตรกร ปัญหาฝุ่น PM 2.5 เป็นปัญหาที่สลับซับซ้อนหลายมิติ รวมถึงมิติต่างประเทศด้วย เชื่อว่าแนวคิดของเราจะช่วยได้อย่างมีนัยสำคัญ ถึงเวลาแล้วที่เราควรเอาจริงเอาจังกับการเพิ่มพื้นที่ป่า นอกจากจะส่งผลดีต่อสุขภาพ และความยั่งยืนทางเศรษฐกิจแล้ว ยังส่งผลในเรื่องของการบริหารจัดการแหล่งน้ำ การลดภาวะโลกร้อน การไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศไทยตามเป้าหมายที่รัฐบาลประกาศไว้ต่อหลายประเทศทั่วโลก” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว.-สำนักข่าวไทย