กกต. 9 ก.พ.-“สมชัย” จี้ กกต.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ “ราษฎร” เพื่อเป็นหลังอิงทำงานได้ปลอดภัย เตือนดึงดันเจอฟ้องประมาทเลินเล่อร้ายแรง ระบุแก้ไขแบ่งเขตใหม่ทำทัน 28 ก.พ.
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบาย พรรคเสรีรวมไทย และอดีตกรรมการการเลือกตั้งกล่าวถึงกรณีเลขาธิการ กกต.สั่งให้ 5 จังหวัดทบทวนแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ ว่า ใน 5 จังหวัดมีกรุงเทพกับชลบุรีที่ค่อนข้างมีปัญหามากที่สุด ส่วน 3 จังหวัดแทบจะไม่มีปัญหาอะไร และส่วนรูปแบบอีก 2 รูปแบบก็ถือว่าทำถูกต้อง ดังนั้น 3 จังหวัดนั้นทำตามคำสั่งของเลขาธิการ กกต.ไปแล้ว ที่แก้ไปแล้วก็จะมีปัตตานี เชียงใหม่ และสมุทรปราการ ส่วน กทม.กับชลบุรีวันนี้ก็ยังไม่มีการประกาศการแก้ไข แต่ยังเชื่อว่าการทำงานเรื่องนี้ของ กกต.อยู่ภายใน 28 กุมภาพันธ์
“สิ่งที่อยากสะท้อน คือการรับฟังความเห็นจากประชาชน กกต.กำหนดวิธีการที่ยุ่งยากเกินไป ต้องมาเขียนข้อความแล้วส่งเป็นเอกสาร ต้องแนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้าน ยังมีกรณีมอบอำนาจก็ต้องทำหนังสือส่งมอบอำนาจอีก เป็นวิธีการที่ยุ่งยากเหมือนไม่ต้องการส่งเสริมให้ประชาชนอยากแสดงความคิดเห็นใดๆ เลย และพอไม่มีประชาชนแสดงความเห็น กกต.ก็จะสรุปตามใจชอบของตัวเอง เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ตนมองว่าต้องการออกแบบเช่นนี้เพื่อไม่ให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นหรือไม่” นายสมชัย กล่าว
ส่วนกรณีการนำราษฎรที่ไม่มีสัญชาติไทยมาคำนวณจำนวน ส.ส. และแบ่งเขต ซึ่งยังมีความเห็นต่างในเรื่องความหมายของคำว่าราษฎร ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 86 โดย กกต.ไปตีความว่าหมายถึงราษฎรทั้งหมด ทั้งที่มีสัญชาติไทยและไม่มีสัญชาติไทย ตรงนี้ทำให้มีปัญหาการคำนวณจำนวนราษฎร 980,000 คน โดยจำนวนนี้ไปหนักอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และตาก ทำให้ 3 จังหวัดนี้มี ส.ส.เพิ่มมาจังหวัดละ 1 คน และสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังแบ่งเขต คือ ในเขตเลือกตั้ง มีบางอำเภอที่มีคนที่ไม่มีสัญชาติไทยมาอยู่เป็นจำนวนมากราวๆ แสนคน เช่น อ.แม่อาย ฝาง เวียงแหง และไชยปราการ อำเภอเหล่านี้เมื่อแบ่งเขตเลือกตั้งจะดูดีมีจำนวนราษฎรใกล้เคียงกัน แต่เวลาเลือกตั้งจริง ราษฎรที่มีสิทธิเลือกตั้งอาจจะมีไม่ถึงครึ่งกลายเป็นว่าเรื่องอำนาจอิทธิพล การซื้อเสียงต่างๆ จะมีโอกาสใช้ได้ผลอย่างเต็มที่และผู้ได้รับเลือกตั้งมีคะแนนเพียงหลักหมื่นต้นๆ
นายสมชัย ยังเรียกร้องว่า เมื่อกกต. ยังมีโอกาสที่จะทำให้เรื่องนี้ชัดเจนก็ควรยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยคำว่า “ราษฎร” ตามมาตรา 86 คืออะไร เพื่อเป็นหลักอิงให้ กกต.ทำงานได้มั่นคง ปลอดภัยมากขึ้น กกต.ไม่เสียหายอะไรเลยถ้าจะไปยื่นศาลตีความเรื่องนี้ หากศาลตีความตาม กกต.ก็เดินหน้าตามตารางงานเดิมได้เลย แต่ถ้าศาลว่าไม่ใช่ กกต.ก็ต้องถอนกลับมาเพื่อแก้ไขการแบ่งเขตเลือกตั้งตามจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ รวม 6 จังหวัด 40 กว่าเขต อาจล่าช้าไปเพียง 2 สัปดาห์ แต่ยังทันกับการเลือกตั้ง ดีกว่าที่ว่าประชาชนผู้ถูกลิดรอนสิทธิ์ใน 3 จังหวัดที่ควรได้แต่ไม่ได้ ส.ส.เพิ่มไปร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน หรือร้องโดยตรงกับศาลรัฐธรรมนูญ และถ้าศาลระบุว่าผิดขึ้นมา ก็จะเกิดการถอยหลังกลับ และเกิดความเสียหายจนอาจมีการร้องให้การเลือกตั้งใน 6 จังหวัดหรือทั้งหมดเป็นโมฆะ ซึ่ง กกต.จะมาอ้างเหตุว่า กกต.ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสียหาย ไม่ใช่การประมาทเลินเล่อร้ายแรงไม่ได้ เพราะมีการเตือน การทักท้วงก่อนแล้ว แต่ไม่ดำเนินการ ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นก็ต้องถือว่าเป็นความประมาทเลินเล่อร้ายแรง ถ้ามีการฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งจากผู้สมัครรับเลือกตั้งใน 40 เขตนั้นก็น่าจะเป็นเงินหลายร้อยล้านบาท ถ้าผิดจริงเรื่องนี้ต้องชดใช้ตามตัวบุคคลไม่สามารถนำเงินราชการมาชดใช้ได้
“ใบส้ม 70 ล้านยังเสียหายไม่พอหรือ การตัดสินวินิจฉัยของ กกต.ไม่ได้ถือว่าคุณถูกต้อง ถ้าถูกต้องคงไม่เกิดกรณีใบส้ม 70 ล้าน ดังนั้นประเด็นนี้ก็อาจจะเกิดความผิดพลาดขึ้นจากการวินิจฉัยของ กกต.ขึ้นอีกก็ได้ ให้ดีควรทำให้เกิดความชัดเจนเสียก่อนเลือกตั้งดีกว่า” นายสมชัย กล่าว.-สำนักข่าวไทย