ทำเนียบฯ 1 ก.พ. – นายกฯ แจ้งเตือนประชาชนระมัดระวังอากาศช่วง 2-3 ก.พ.นี้ หากจำเป็นต้องออกนอกบ้าน ควรใช้หน้ากากป้องกัน PM 2.5 ขอให้ส่วนราชการ-ภาคธุรกิจเอกชน-ประชาชน พิจารณา Work From Home ตามความเหมาะสม
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ห่วงใยสุขภาพพี่น้องประชาชน จากคาดการณ์แนวโน้มสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 โดยสภาพทางอุตุนิยมวิทยาคาดว่าอัตราการระบายอากาศในช่วงนี้ถึงวันที่ 3 ก.พ. 66 จะไม่ดี เนื่องจากเพดานอากาศต่ำ เกิดสภาวะอากาศปิดอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับช่วงวันที่ 1-2 ก.พ. เป็นช่วงที่บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังอ่อนลง ส่งผลให้เกิดการสะสมของฝุ่นละออง PM 2.5 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นายกรัฐมนตรีจึงขอเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอากาศช่วงวันที่ 2-3 ก.พ.นี้ หากจำเป็นต้องออกนอกบ้าน ควรใช้หน้ากากป้องกัน PM 2.5 หากเป็นไปได้ขอให้ทำงานที่บ้าน (Work From Home) โดยให้ส่วนราชการ ภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน และประชาชน พิจารณาการ Work From Home ตามความเหมาะสม ด้วยความระมัดระวัง
นายอนุชา กล่าวต่อว่า ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่าช่วงวันที่ 1-3 ก.พ. 66 เป็นช่วงลมอ่อน การสะสมฝุ่นละอองและหมอกควันอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงสูง ขอให้ระวังผลกระทบต่อสุขภาพ ทั้งนี้ ควันและฝุ่นจะกระจายไปไม่ลอยสูง โดยค่าฝุ่นจะสูงมากในพื้นที่การจราจรติดขัด ขณะที่ข้อมูลจากสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร ระบุว่าค่า PM 2.5 ในเขตกรุงเทพฯ อยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพในหลายพื้นที่และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยช่วงวันที่ 1-4 ก.พ. 66 พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ควรเฝ้าระวังการสะสมของฝุ่นละออง เนื่องจากสภาพอากาศที่นิ่งและปิด
สำหรับช่วงวันที่ 4-8 ก.พ. 66 คาดว่าอัตราการระบายอากาศจะดี อีกทั้งความกดอากาศสูงจากจีนจะออกมานอกชายฝั่ง ทำให้ทิศของลมหนาวนั้นเปลี่ยนจากตะวันออกเฉียงเหนือมาเป็นตะวันออก ส่งผลให้จะมีการเริ่มพัดพาฝุ่นควันจากกัมพูชาเข้าสู่ประเทศไทย โดยเฉพาะภาคตะวันออก ภาคกลาง และกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ปกติของการเปลี่ยนผ่านไปยังฤดูร้อน และลมใต้จะทวีกำลังมากขึ้นเรื่อยๆ
“ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ใช้หน้ากากป้องกันฝุ่น PM 2.5 หรือหน้ากาก N95 หรือใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา และขอแนะนำให้ประชาชนตรวจสอบข้อมูลคุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน ผ่านทางแอปพลิเคชันวัดคุณภาพอากาศ เพื่อวางแผนการทำงาน การทำกิจกรรม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่คุณภาพอากาศอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ/มีผลกระทบต่อสุขภาพ ควรลดระยะเวลาหรืองดการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ทั้งนี้ หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์” นายอนุชา กล่าว .-สำนักข่าวไทย