สธ. 1 ก.พ.- “อนุทิน” เผยปลัด สธ.เตรียมหารือกับเลขาธิการ ป.ป.ส. ยังไม่เคาะเรื่องเปลี่ยนเกณฑ์ถือครองยาบ้าเกิน 1 เม็ดขึ้นไป เท่ากับผู้ค้า ระบุแก้กฎกระทรวงเพื่อคุ้มครองเยาวชนห่างไกลยาเสพติด หวังให้เกิดการบำบัดมากขึ้น ชี้การปรับแก้มีผลให้ รพ.ระดับจังหวัด กลายเป็นศูนย์บำบัด
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในบ่ายวันนี้ 1 ก.พ. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เตรียมประชุมหารือร่วมกับ เลขาธิการ ป.ป.ส. โดยจะนำผลการประชุมคณะกรรมการบำบัดยาเสพติดของกระทรวงสาธารณสุข ที่เตรียมแก้กฎกระทรวงสาธารณสุข เรื่องการผู้ครอบครองยาเสพติดให้โทษ เพื่อให้เกิดการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแบบเด็ดขาด ให้ผู้ครอบครองยาบ้าเกิน 1 เม็ด ขึ้นไป เท่ากับเป็นผู้ค้า จากเดิมที่มีการแก้ไขกฎหมายค่อยๆ พัฒนา และแก้ไขมาเรื่อยๆ จากผู้ครอบครอง 15 เม็ด เป็นผู้ค้า และเป็นผู้ครอบครอง 5 เม็ด เป็นผู้ค้า ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการบำบัดรักษาและดูแลแบบครบวงจร จากนั้นจะนำผลการหารือกับเลขาธิการ ป.ป.ส. มาหารือในคณะกรรมการบำบัดยาเสพติดอีกครั้ง
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วันนี้ในการหารือร่วมกับ ป.ป.ส. แม้จะไม่มีการเรื่องการถือครองยาบ้าเกิน 1 เม็ดขึ้นไป บรรจุในวาระการประชุม แต่ก็เตรียมเรื่องนี้ไว้ เพี่อการสอบถาม อันนี้เป็นการประชุมชุดใหญ่ร่วมกับ ป.ป.ส.ตามปกติ
นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า กระบวนการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด 1 คน ใช้ระยะเวลา 3 เดือน แต่ก็ยอมรับว่าการบำบัดรักษามีบางคนไม่ได้หายขาดแบบ 100 % บางคนก็วนเวียน กลับเข้าสู่วังวนยาเสพติดอีก ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเยาวชน เพราะสภาพแวดล้อมเดิมๆ ทำให้เกิดการใช้ยาอีกครั้ง โดยพบว่าเยาวชนที่มีการเข้าบำบัดรักษาอายุเฉลี่ย 18-24 ปี และกลุ่มวัยแรงงาน ซึ่งการบำบัดที่ผ่านมา ก่อนช่วงโควิดมี 400,000-500,000 คน แต่ในสถานการณ์โควิด เหลือคนเข้าบำบัดรักษา 175,000 คน ทั้งนี้ หลังจากมีแนวนโยบายปรับแก้การครอบครองยาเสพติด เพื่อเข้าบำบัดรักษา จะทำให้ รพ.ระดับจังหวัดเปิดวอร์ดรักษาทางจิตเวชและยาเสพติด ให้กระบวนการบำบัดรักษาไม่ได้มีแค่สถาบันธัญญารักษา และศูนย์บำบัดรักษาของกรมการแพทย์อีก 7 แห่งเท่านั้น
พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ขณะนี้มีตัวเลขบำบัดรักษา 300,000 คน และ 1 ใน 3 หลุดออกจากการระบบการรักษา ไม่ได้มีการพบแพทย์มานานกว่า 6 เดือน จึงต้องเร่งติดตามคนพวกนี้ เป็นห่วงเยาวชน .-สำนักข่าวไทย