กรุงเทพฯ 18 ม.ค.- บมจ. เอส.เอ.เอฟ. สเปเชียล สตีล นำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าเกรดพิเศษ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง พร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ 19 ม.ค. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 579 ล้านบาท ใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “SAF”
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ mai ยินดีต้อนรับ บมจ. เอส.เอ.เอฟ. สเปเชียล สตีล เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ภายใต้กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “SAF” ในวันที่ 19 ม.ค.2566
SAF ประกอบธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าเกรดพิเศษ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงบริการชุบแข็งด้วยระบบสุญญากาศ โดยมีลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศไทย อาทิ กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร และกลุ่มอื่นๆ ทั้งที่นำเหล็กกล้าเกรดพิเศษไปใช้งานโดยตรง และลูกค้าประเภท Supplier ซึ่งนำเหล็กกล้าเกรดพิเศษไปผลิตชิ้นงานเพื่อจำหน่ายต่อ ทั้งนี้ บริษัทได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายเพียงผู้เดียวในประเทศไทยจากบริษัทเหล็กกล้าเกรดพิเศษชั้นนำจากประเทศเยอรมนี อาทิ DÖRRENBERG EDELSTAHL GmbH, WILHELM OBERSTE-BEULMANN GmbH เป็นต้น ปัจจุบันบริษัทมีคลังสินค้าสองแห่งตั้งอยู่ที่เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ มีปริมาณสูงสุดจัดเก็บ 2,000 ตัน ซึ่งมีค่าเฉลี่ยจัดเก็บร้อยละ 71 ในงวด 9 เดือนปี 2565 สัดส่วนรายได้จำแนกผลิตภัณฑ์ตามลักษณะการใช้งานและบริการ ได้แก่ แม่พิมพ์งานอุตสาหกรรม งานเครื่องจักรกล บริการชุบแข็งด้วยระบบสุญญากาศ และรายได้อื่น ประมาณ 70:20:5:5 ตามลำดับ และมีกลุ่มลูกค้า ได้แก่ กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มอาหารและอื่นๆ ร้อยละ 48:38:14 ตามลำดับ
SAF มีทุนชำระหลังเสนอขาย 150 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 220 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 80 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 60 ล้านหุ้น เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัท 12 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหารและพนักงานของบริษัท 8 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 9 – 11 มกราคม 2566 ในราคาหุ้นละ 1.93 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 154.4 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 579 ล้านบาท ทั้งนี้การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ประมาณ 34.96 เท่า คำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2565) ซึ่งเท่ากับ 16.56 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.0552 บาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายพิศิษฐ์ อริยเดชวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอส.เอ.เอฟ. สเปเชียล สตีล เปิดเผยว่า บริษัทนำเข้าและเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าเกรดพิเศษชั้นนำระดับโลกมากว่า 30 ปี ทั้งนี้ หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญต่อการรักษาความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจฯ คือ การบริหารสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทันท่วงที พร้อมกับคุณภาพการบริการและสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าให้ได้รับความพึงพอใจที่ดี เงินที่ได้จากการระดมทุน บริษัทจะนำไปใช้ในการลงทุนสร้างคลังสินค้าและโรงงานแห่งใหม่ ลงทุนเครื่องเตาชุบแบบไนไตรดิ้ง และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
SAF มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ กลุ่มครอบครัวอริยเดชวณิชที่เป็นผู้บริหาร ได้แก่ นายพิศิษฐ์ อริยเดชวณิช นางสาวลีนา อริยเดชวณิช และนายพิศาล อริยเดชวณิช ถือหุ้นรวมกันร้อยละ 59.20 บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการ ภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและหลังหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายและบริษัทได้กำหนดไว้.-สำนักข่าวไทย