กรุงเทพฯ 14 ม.ค. – ตำรวจจับกุมคนร้ายแต่งเครื่องแบบเป็นเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีปลอม หลอกเหยื่อเสนอขายเครื่องจักรอุตสาหกรรม สูญเงิน 1.5 ล้านบาท
ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริต โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ได้ออกลาดตระเวนออนไลน์จนได้รับแจ้งถึงความเดือนร้อนจากประชาชนว่ามีคนร้ายแต่งเครื่องแบบเป็นเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีปลอม หลอกเหยื่อเสนอขายเครื่องจักรอุตสาหกรรม ความเสียหาย 1.5 ล้านบาท เหตุที่กรมบังคับคดี บางขุนนนท์ กรุงเทพฯ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน และความเสียหายต่อภาพลักษณ์เจ้าหน้าที่รัฐเป็นอย่างมาก
วันที่ 13 มกราคม 2566 เวลาประมาณ 06.45 น. เจ้าหน้าที่สนธิกำลังร่วมกันจับกุมตัว นายอาทิตย์ อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชัน ที่ จ.13/2566 ลงวันที่ 10 มกราคม 2566 โดยกล่าวหาว่า”ฉ้อโกง,แสดงตนเป็นคนอื่นและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง” พร้อมของกลาง จำนวน 14 รายการ คือ
- เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีกากี จำนวน 1 ตัว
- กางเกงขายาวสีกากี จำนวน 1 ตัว
- เข็มขัดด้ายถักสีกากีหัวเข็มขัดโลหะสีทอง จำนวน 1 เส้น
- อินทรธนูแบบอ่อน จำนวน 1 คู่
- แพรแถบย่อของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จำนวน 1 ชิ้น
- ป้ายชื่อ ชื่อนายธนพล ไพศาลธนวัฒน์ จำนวน 1 ชิ้น
- รองเท้าหนังสีดำหุ้มส้น จำนวน 1 คู่
- นาฬิกาข้อมือสีทอง จำนวน 1 เรือน
- กระเป๋าถือหนังสีน้ำตาล จำนวน 1 ใบ
- กนกคอหรือเข็มติดปกเสื้อ จำนวน 1 คู่
- เสื้อคลุมแขนยาวสีดำ จำนวน 1 ตัว
- โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง สีขาว จำนวน 1 เครื่อง
- โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อทีซีแอล สีดำ จำนวน 1 เครื่อง
- เอกสารที่เกี่ยวข้อง จำนวน 4 แผ่น
สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้าน แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ตรวจสอบหมายจับ พบมีหมายจับอื่นอีก 1 ฉบับ คือ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 40/2565 ลงวันที่ 24 มกราคม 2565 ในความผิด “ร่วมกันฉ้อโกงโดยการ แสดงตนเป็นคนอื่น นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
พฤติการณ์การกระทำความผิดกล่าวคือ เมื่อเดือนกันยายน 2564 ผู้ต้องหาได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีหลอกลวงผู้เสียหาย โดยอ้างว่าตนเองเป็นนายหน้า ได้รับมอบอำนาจจากเจ้าของโรงงานที่ต้องการจะขายเครื่องจักรอุตสาหกรรม มาเสนอขายเครื่องจักรอุตสาหกรรมให้กับผู้เสียหายในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงได้นัดทำสัญญาซื้อขายและจ่ายเงินสด จำนวน 1,500,000 บาท ที่กรมบังคับคดี บางขุนนนท์ และเมื่อผู้เสียหายส่งมอบเงินให้ผู้ต้องหาแล้ว ผู้เสียหายได้ไปติดต่อที่โรงงาน ปรากฏว่าเจ้าของโรงงานไม่ทราบถึงการซื้อขายดังกล่าว และไม่สามารถติดต่อผู้ต้องหาได้ จึงทราบว่าถูกผู้ต้องหาหลอกลวงเอาทรัพย์ไป จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดลาดตระเวนออนไลน์ สืบนครบาลได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหาหลบหนีมาเช่าห้องพักอยู่ที่ซอยจรัญสนิทวงศ์ 35 แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและจับกุมผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.บางขุนนนท์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการซักถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พร้อมให้ข้อมูลว่า ผู้ต้องหาจะติดต่อเหยื่อผ่านทางโทรศัพท์มือถือ หลังจากนั้นมีการพูดคุยกันผ่านแอปพลิเคชันไลน์ โดยผู้ต้องหาจะใช้ไลน์ชื่อ “ธนพล โจโจ้” ในการติดต่อกับผู้เสียหาย สร้างความน่าเชื่อถือโดยการบอกว่าตนเองเป็นเจ้าพนักงานกรมบังคับคดี รวมถึงการส่งรูปเอกสารต่างๆ จนทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ โดยผู้ต้องหาจะสวมใส่เครื่องแบบข้าราชการพลเรือน โดยที่ไม่ใช่ข้าราชการฯ จริง และพาผู้เสียหายไปทำสัญญาซื้อขายที่กรมบังคับคดี แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร และได้รับเงินสด จำนวน 1,500,000 บาท โดยที่นำเงินดังกล่าวไปให้ นายโต้ง ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งนายโต้ง เป็นผู้นำเอกสารสัญญาการซื้อขายเครื่องจักรมาให้ตนเพื่อไปทำสัญญาการซื้อขายกับผู้เสียหาย โดยที่ตนได้เงินส่วนแบ่งจำนวน 200,000 บาท หลังจากได้เงินมาก็นำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนบางขุนนนท์ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า หากใครถูกคนร้ายรายนี้ซึ่งปลอมเป็นเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีหลอกให้แจ้งมายังเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. และขอเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่าในสังคมปัจจุบัน มิจฉาชีพมีกลโกงมากมายหลายรูปแบบ ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติอย่างหลงเชื่อกลโกง หากไม่แน่ใจ หรือสงสัยให้สอบถามมาที่เราถึงแม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. -สำนักข่าวไทย