นนทบุรี 11 ม.ค. – สาวชาวไร่เก็บเงินมา 20 ปี ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร หลอกให้กดลิงก์แอปฯ สูญเงินกว่า 1 ล้านบาท
น.ส.โชติวรรณ หรือ กานต์ อายุ 46 ปี นายอนันต์ อายุ 43 ปี และลูกสาววัย 5 ขวบ เข้าร้องขอความเป็นธรรมจากนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ที่สำนักงานทนายความคู่ใจ ถ.แจ้งวัฒนะ จ.นนทบุรี เพื่อให้ช่วยติดตามคดี หลังถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกลวงว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมสรรพากร สามารถช่วยเหลือไม่ให้เสียภาษีย้อนหลังได้ ก่อนถูกแฮกข้อมูลสูญเงินในบัญชี 1,090,000 บาท จนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว
น.ส.กานต์ เล่าว่า ตนมาเป็นสาวโรงงานนานกว่า 20 ปี ใช้จ่ายอย่างประหยัด เก็บหอมรอมริบ จนสามารถซื้อทาวน์เฮาส์ในย่าน จ.สมุทรปราการ เมื่อลาออกจากโรงงาน ก็มาเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวอยู่หน้าบ้านไม่ถึง 1 ปี เจอสถานการณ์โควิด ทำให้ค้าขายขาดทุน จึงตัดสินใจขายบ้านราคา 1.5 ล้านบาท และย้ายครอบครัวกลับภูมิลำเนาเดิมที่ จ.เชียงราย ยึดอาชีพเกษตรกรปลูกพริกขาย ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง
กระทั่งวันที่ 7 ธ.ค.65 มีโทรศัพท์ปลายทางเป็นเสียงผู้ชาย อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมสรรพากร บอกว่า ตอนที่ขายก๋วยเตี๋ยว ใช้แอปฯ “คนละครึ่ง” ทำให้ต้องเสียภาษีย้อนหลังเป็นจำนวนมาก หากไม่อยากเสียภาษี สามารถช่วยเหลือได้ จากนั้นก็มีการทักไลน์มาพูดคุย และส่งลิงก์เป็นแอปฯ ให้กดเข้าไปดู พร้อมพูดคุยสอบถามให้คำปรึกษาถึงแนวทางที่ไม่ต้องเสียภาษีย้อนหลัง ซึ่งตนไม่ได้ให้ข้อมูลเลขบัตรประชาชนและเลขบัญชีธนาคารแต่อย่างใด
จนกระทั่งชายคนดังกล่าววางสายไป ช่วงนั้นโทรศัพท์ของตนรู้สึกว่ารวน ทำธุรกรรมไม่ได้อยู่พักใหญ่ พอกดเช็กยอดบัญชีธนาคารในโทรศัพท์พบว่า เงินสดถูกถอนออกไป 2 ครั้ง ครั้งแรก 1 ล้านบาท ครั้งที่ 2 เป็นเงิน 90,000 บาท เหลือติดบัญชีอยู่เพียง 700 บาท ตอนนั้นตกใจมาก เล่าให้สามีฟัง และเชื่อว่าน่าจะถูกมิจฉาชีพแฮกเงินในบัญชี แต่ก็ไม่เข้าใจว่า เงินถูกแฮกออกไปได้อย่างไร ทั้งที่ตนไม่ได้ให้เลขบัตรประชาชนหรือเลขบัญชีธนาคารไปเลย จึงนำเอกสารหลักฐานทั้งหมดเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เทิง จ.เชียงราย และรีบติดต่อธนาคาร เพื่ออธิบายและชี้แจง เพราะตอนที่ตนฝากเงิน ตนได้ทำข้อตกลงไว้ว่า สามารถเบิกถอนเงินในบัญชีได้ครั้งละเพียง 30,000 บาท/วัน เท่านั้น แต่ทำไมมิจฉาชีพถึงสามารถดูดเงินหรือถอนเงินจากบัญชีตนได้ครั้งละ 1 ล้านบาท และ 90,000 บาท ในเวลาเพียงแค่ไม่ถึง 10 นาที แต่ได้รับการปฏิเสธความรับผิดชอบจากทางธนาคาร
ส่วนคดีที่แจ้งความไว้ ผ่านมากว่า 1 เดือนแล้ว ก็ไม่เคยได้รับการติดต่อหรือความคืบหน้าของคดีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเลย จึงต้องมาร้องทุกข์กับทนายรณณรงค์ เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมและช่วยเหลือครอบครัวตนเองด้วย
ด้านทนายรณณรงค์ กล่าวว่า คดีนี้ผู้เสียหายเปิดบัญชีกับธนาคารแห่งหนึ่งไว้ และแจ้งกับธนาคารว่า ให้ถอนเงินได้วันละไม่เกิน 30,000 บาท แต่ทำไมมิจฉาชีพถึงสามารถโอนเงินถอนเงินได้เป็นล้าน เรื่องนี้ธนาคารไม่รับผิดชอบ ในมุมของกฎหมาย กรณีนี้การถอนเงิน เจ้าของบัญชีไม่ได้ถอนเอง เป็นมิจฉาชีพสวมรอยเบิกเงินธนาคาร ตนมองว่า ตามสัญญาการฝากทรัพย์นั้น ธนาคารเป็นผู้ได้รับความเสียหาย ธนาคารต้องไปแจ้งความเอง และธนาคารต้องคืนเงินให้กับลูกค้า นี่คือในทางกฎหมาย แต่ธนาคารไม่คืนอยู่แล้ว
ขั้นตอนต่อจากนี้จะให้เขาไปยื่นเรื่อง และไปร้องที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อให้ สคบ.ฟ้องธนาคารแทนเอกชน คือการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ฝากเตือนประชาชนว่า ถ้าเห็นลิงก์อะไรแปลกๆ อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ บอกเลยว่า ทางโทรศัพท์ไม่คุย ให้มาเจอมาคุยกันต่อหน้าเท่านั้น ไม่รู้ว่าจะป้องกันอย่างไร เอาเป็นว่าเจอหน้ากันแล้วพูดคุยดีที่สุด. – สำนักข่าวไทย