กรุงเทพฯ 2 ม.ค. – กระทรวงคมนาคม เผยตัวเลขผู้โดยสารเดินทางเข้า-ออกไทยปี 65 พุ่งสูงจากปี 64 ถึง 15.4 เท่า ขณะที่เอกชนประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2566 มีหลายปัจจัยบวกช่วยกระตุ้นให้เติบโตได้ดี
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เผยปริมาณผู้โดยสารที่เดินทางเข้าออกระหว่างประเทศ ในปี 2565 ทุกระบบขนส่งกว่า 22.57 ล้านคน ทางอากาศมีสัดส่วนปริมาณผู้โดยสารสูงสุด คิดเป็นร้อยละ 97.17 รองลงมา คือ ทางถนน ทางน้ำ และทางราง เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบปริมาณผู้โดยสารในปี 2565 กับปี 2564 พบว่าปริมาณผู้โดยสารปี 2565 เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ร้อยละ 1,543 โดยทางน้ำเพิ่มขึ้นมากที่สุด ร้อยละ 10,642 รองลงมา คือ ทางอากาศ ร้อยละ 1,499
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาปริมาณผู้โดยสาร ในปี 2565 พบว่าเดือนธันวาคม 2565 มีปริมาณผู้โดยสาร รวม 4,474,834 คน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 23.06 และเพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 171.90 โดยเป็น ผู้โดยสารขาเข้า รวม 2,325,093 คน จากค่าเฉลี่ยเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2565 ซึ่งมีผู้โดยสารเฉลี่ยเดือนละ 835,054 คน คิดเป็น เพิ่มขึ้นร้อยละ 178.44
นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเคทีซีหรือบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยถือว่าวางตำแหน่งของตนเองได้อย่างถูกต้อง ด้วยการเปิดประเทศอย่างรวดเร็วก่อนหน้านี้ ทำให้การท่องเที่ยวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มาก นอกจากนี้กรณีที่จีนผ่อนคลายมาตรการโควิดและเปิดประเทศ จะทำให้ประเทศไทยได้ประโยชน์ไปด้วย เนื่องจากประเทศไทยและจีนเป็นพันธมิตรและมีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันมาตลอด ทำให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ขณะเดียวกันในปี 2566 จะมีการเลือกตั้ง ส.ส.ทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวได้ดีในปี 2566
ขณะเดียวกันจากการเปิดประเทศและการใช้จ่ายในกลุ่มต่าง ๆที่เพิ่มขึ้นช่วงไตรมาส 4 ปี 2565 ช่วยทำให้ธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลช่วงปลายปีเติบโตได้ดี แม้ยังไม่เท่ากับปี 2562 แต่ก็เริ่มขยายตัวสูงและคาดว่าปี 2566 การใช้จ่ายในระบบจะยิ่งคึกคัก สำหรับการดำเนินธุรกิจของเคทีซีในปี 2566 จะเน้นใน 3 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อรถแลกเงิน .-สำนักข่าวไทย