กรุงเทพฯ 23 ธ.ค.-ผู้นำฝ่ายค้านขอบคุณ “พล.อ.ประยุทธ์” ชัดเจน ประกาศเป็นแคนดิเดตนายกฯ รวมไทยสร้างชาติ มองการลงพื้นที่เป็นการใช้อำนาจเอาเปรียบทางการเมือง ชี้ แค่แยกเดิน “พล.อ.ประวิตร” สู่เป้าหมายหลักสืบทอดอำนาจ
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้ความเห็นภายหลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมประกาศเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติว่า ก่อนอื่นต้องขอบคุณพล.อ.ประยุทธ์ ที่มีความชัดเจนทางการเมืองที่จะไปเป็นแคนดิเดตของพรรครวมไทยสร้างชาติ ทั้งที่รู้ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีได้อีก 2 ปีเท่านั้น
“ชัดเจนว่าแม้เหลือเวลา 2 ปี พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังอยากจะไปเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ชัดเจน ประชาชนก็จะชัดเจนในการตัดสินใจเช่นกัน ซึ่งถือว่าเป็นข้อดี และขอแสดงความยินดีกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ขณะที่ฝ่ายค้านเห็นว่า เมื่อมีความชัดเจนก็เบาใจที่นายกฯ ตัดสินใจสู้ตามกติกา ซึ่งจะเกิดความเป็นธรรมกับทุกพรรคการเมือง” ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าว
ส่วนที่พล.อ.ประยุทธ์ให้เหตุผลว่าอยากสานต่องานที่ยังค้างให้สำเร็จ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์มีเวลามาแล้ว 8 ปี ได้โอกาสมากกว่าคนอื่นสองเท่า หากภารกิจที่ทำมายังไม่สำเร็จ ต้องย้อนกลับไปมองตนเองว่าเพราะอะไร เพราะเป็นแผนที่วางไว้ในการทำงานถึง 10 ปีหรือเป็นแผนระยะ 4 ปี แต่ทำไม่สำเร็จ การจะขอโอกาสประชาชนอีกครั้ง ต้องแจ้งให้ชัดว่าเรื่องที่ยังไม่สำเร็จคือเรื่องอะไร ไม่ใช่อึมครึม ซึ่งเชื่อว่าหากประกาศชัดเจนว่าจะสานต่อเรื่องอะไรที่ยังไม่สำเร็จ ประชาชนอาจจะเห็นใจและมอบโอกาสให้อีกครั้ง
เมื่อถามว่า การประกาศความชัดเจนทางการเมืองของนายกรัฐมนตรี ถือว่า มีความได้เปรียบหรือไม่ เพราะแต่งตั้งหัวหน้าพรรคที่ไปสังกัดเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า ในมุมการเมือง ผู้ที่อยู่ในอำนาจย่อมมีความได้เปรียบอยู่แล้ว เพราะมีหลายเรื่องที่กฎหมายเปิดโอกาสให้ใช้อำนาจและหน้าที่ได้ แต่ต้องไม่แฝงเร้น ซึ่งสิ่งที่ปรากฏโดยเฉพาะการลงพื้นที่สงขลาล่าสุด มีความชัดเจนว่าแฝงเร้นนัยทางการเมือง โดยเฉพาะเรื่องตัวผู้สมัครจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ปรากฏชัดจนมองได้ว่า เป็นการเอาเปรียบทางการเมือง แต่ต้องระวัง เพราะมีประชาชนบางกลุ่มได้เปรียบและเสียเปรียบ
เมื่อถามว่า สถานการณ์การเมืองหลังจากนี้ จะเข้มข้นหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หากทุกพรรคการเมืองเน้นเสนอนโยบายให้ประชาชนตัดสินใจ ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่ควรมุ่งทำร้ายทำลายล้างกันทางการเมือง เพราะขณะนี้พยายามใช้กลไกที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร หรือการลงพื้นที่ให้กับประชาชนทางตรง รวมถึงการพยายามที่จะร้องยุบพรรคการเมือง ดังนั้น ต้องระวัง ไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในสังคม จึงฝากให้ผู้มีอำนาจและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องใช้สถานการณ์ในช่วงใกล้เข้าสู่การเลือกตั้งเสนอมุมที่เป็นประโยชน์ให้ประชาชนพิจารณา
ส่วนมองความสัมพันธ์ของพี่น้อง 2 ป.อย่างไร หลังพล.อ.ประยุทธ์มีความชัดเจนทางการเมือง นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ยังเป็นการแยกกันเดิน เมื่อพี่ใหญ่อยู่อีกพรรคหนึ่ง น้องอีก 2 ป.อยู่อีกพรรคหนึ่ง เป็นการช่วงชิงการได้มาซึ่งอำนาจของประชาชน เพราะเป้าหมายหลักสุดท้ายคือการสืบทอดอำนาจ เนื่องจากเขาประเมินกำลังแล้วว่า แยกกันดีกว่าแล้วไปรวมกันถึงตอนสุดท้าย แต่ในขณะนี้ การแยกกัน จะมีโอกาสได้สืบทอดอำนาจ.-สำนักข่าวไทย