กรุงเทพฯ 15 ธ.ค.-ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีหน้า โดยจีดีพี 66โต 3.6% ส่งออกโตแค่ 1.2% อัตราเงินเฟ้อ 3% มีปัจจัยเสริมจากรายได้ท่องเที่ยว เลือกตั้ง หนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นปีหน้าได้
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจเปิดเผย ประมาณการภาวะเศรษฐกิจไทยปี 2565-2566 ว่า ปัจจัยบวกที่มีผลต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี2565-2566 คือ การแพร่ระบาดของโควิด19 ปรับตัวดีขึ้นและปรับเป็นโรคประจำถิ่น การกลับมาขอให้นักท่องเที่ยวต่างชาติและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว การใช้จ่ายของภาคเอกชนมีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจน รายได้ของเกษตรกรยังคงขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง และการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2566
ทั้งนี้ ปัจจัยลบที่มีผลต่อภาวะเศรษฐกิจยังคงเป็นสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ทำให้ราคาน้ำมันสินค้าโภคภัณฑ์และอัตราเงินเฟ้อผู้สูงขึ้น ธนาคารกลางประเทศต่างๆถูกกดดันให้ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะถดถอย ความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ความผันผวนของตลาดเงินและตลาดทุนโลกทำให้อัตราแลกเปลี่ยนของประเทศไทยเคลื่อนไหวผันผวน ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนทำให้การเข้าถึงสินค้าทุนลดลงส่งผลต่อการค้าโลก โดยมองว่า เศรษฐกิจประเทศไทยในปีหน้าจะได้รับการประคับประคอง คาดว่า จะสามารถขยายตัวได้ร้อยละ 3.6 จากการท่องเที่ยวที่ดี คาดว่าจะมีเม็ดเงินอยู่ที่ 1.1 ล้านล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยว 22 ล้านคน
ขณะที่ สินค้าเกษตรราคาสูงขึ้นทำให้การจับจ่ายใช้สอยมีมากขึ้น ภาคบริการโดยเฉพาะธุรกิจกลางคืนกลับมาฟื้นตัวส่งผลต่อเงินเงินสะพัดในภาวะเศรษฐกิจ การเตรียมตัวเลือกตั้งทั่วไปในช่วงไตรมาสที่ 1 ทำให้มีเม็ดเงินสะพัดไปจนถึงช่วงไตรมาสที่ 2 สามารถพยุงเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี เศรษฐกิจโลกจะทยอยกลับมาฟื้นตัวได้ตั้งแต่ในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 เนื่องจากคาดว่าราคาน้ำมันและเงินเฟ้อจะไม่สูงขึ้นแล้ว และในช่วงครึ่งปีหลังการลงทุนของภาครัฐจะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในพื้นที่EEC มีผลโดยตรงต่อเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังที่คาดว่าจะสามารถขยายตัวได้ร้อยละ 3.7
อย่างไรก็ตาม ศูนย์พยากรณ์ฯยังคาดการณ์ อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 3 ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 6.1 ในปีหน้าซึ่งมองว่าอัตราเงินเฟ้อจะเหลือร้อยละ 3 นั้นเป็นเพราะโดยส่วนใหญ่ตลาดยังคงเป็นของผู้ซื้อผู้ประกอบการไม่สามารถปรับราคาเพิ่มมากขึ้นได้ โดยเงินเฟ้อในปีนี้ที่สูงขึ้นเกิดจากสถานการณ์ราคาน้ำมันเป็นหลักซึ่งไม่สามารถควบคุมได้ และสำหรับการส่งออกนั้น คาดว่า จะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 1.2 จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 2.7 ขณะที่ในปี 2565 นั้นคาดว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 3.3 การส่งออกขยายตัวร้อยละ 8 และเงินเฟ้อขยายตัวร้อยละ 6.1 โดยมีเม็ดเงินจากภาคการท่องเที่ยว 5.4 แสนล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยว 11 ล้านคนเป็นต้น.-สำนักข่าวไทย