“Shopee” แจ้งหยุดชำระเงินผ่านบัญชีธนาคาร

กรุงเทพฯ 5 ธ.ค. – “Shopee” แจ้งหยุดชำระเงินผ่านบัญชีธนาคาร หลังผู้เสียหายผูกบัญชีธนาคารกับแอป แล้วถูกดูดเงิน ด้านผู้เชี่ยวชาญความปลอดภัยไซเบอร์ ยอมรับถูกแฮกเกอร์ดูดเงิน ป้องกันยาก มีแนวโน้มเพิ่มสูงต่อเนื่อง แนะวิธีป้องกันตัว เปิดบัญชีใหม่ใช้เฉพาะทำธุรกรรมออนไลน์ เพื่อจำกัดความเสียหาย


จากกรณี มีผู้เสียหายผูกบัญชีธนาคารกับแอปพลิเคชันอีคอมเมิร์ชชื่อดัง (Shopee) แล้วต้องสูญเงินในบัญชีธนาคารหลายหมื่นบาทโดยไม่ทราบสาเหตุ ทั้งที่ไม่ได้มีการทำธุรกรรมใดๆ จนต้องไปแจ้งความและร้องเรียนผ่านสื่อโซเชียล โดยพบว่ามีผู้เสียหายนับร้อยรายต้องสูญเงินลักษณะเดียวกัน

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย พยายามติดต่อฝ่ายบริหาร Shopee ผ่านทีมประชาสัมพันธ์ของบริษัทฯ เพื่อให้ชี้แจงเรื่องดังกล่าว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ


อย่างไรก็ตาม วันนี้ Shopee ได้ส่งข้อความแจ้งถึงผู้ใช้แอปพลิเคชันว่า ประกาศ : เปลี่ยนแปลงช่องทางการชำระเงิน Shopee จะเริ่มทำการปิดช่องทาง “การชำระผ่านบัญชีธนาคาร” เป็นการถาวร ตั้งแต่ 6 ธ.ค.65 เป็นต้นไป โดยคุณสามารถชำระเงินผ่าน พร้อมเพย์, ShopeePay หรือช่องทางอื่นๆ ได้ตามปกติ”

ด้าน ดร.ปริญญา หอมเอนก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ในคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ กล่าวยอมรับว่า การซื้อของผ่านระบบออนไลน์ในปัจจุบัน ถูกสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการ เพื่อให้ตัดสินใจซื้อได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเปิดช่องให้ “แฮกเกอร์” สามารถจู่โจม เพื่อดูดเอาเงินในบัญชีออนไลน์ได้มากถึง 4-5 ช่องทาง ทั้งจากทางธนาคาร, ทางผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ช หรือผ่านโทรศัพท์มือถือของเราเอง และพบว่ามีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่องทั่วโลก ขณะที่แนวทางป้องกันทำได้ยากลำบาก ดังนั้นจึงอยากเสนอแนะให้เปลี่ยนวิธีคิดใหม่ ในการป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ คือ 1.ชำระเป็นเงินสด ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุด 2. การชำระโดยอีวอลเลท ต้องไม่มีการผูกกับบัญชีธนาคารโดยเด็ดขาด 3.การเปลี่ยนบัญชีบัตรเดบิต เป็นบัตรเครดิต ในการผูกบัญชี เพื่อให้สามารถตรวจสอบหรือปฏิเสธการชำระเงินเมื่อถูกแฮกบัญชี

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญ ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ได้แนะวิธีการ หากมีความจำเป็นต้องผูกบัญชีธนาคารกับ ผู้ให้บริการทางออนไลน์ต่างๆ คือ ต้องใช้วิธีเปิดบัญชีธนาคารใหม่ และใช้วิธีการโอนเงินในวงจำกัดที่เหมาะสมกับการทำธุรกรรม เพื่อป้องกันความเสียหาย ขณะที่บัญชีหลัก เช่น บัญชีเงินเดือน จะไม่ผูกบัญชีกับแอคเคาท์อีคอมเมิร์ชใดๆ เลย


“ประชาชนทั่วไปไม่ทราบว่า คน 1 คน สามารถเปิดบัญชีธนาคารเดียวได้ถึง 5 บัญชี ซึ่งเมื่อเปิดบัญชีใหม่แล้ว ก็ย้ายบัตรเดบิต หรือ การผูกบัญชีกับ แอคเคาท์อีคอมเมิร์ช ซึ่งหากถูก “แฮกเกอร์” โจมตี ซึ่งเป็นไปได้สูงมากในยุคปัจจุบัน ก็จะสามารถจำกัดความเสียหายได้” ดร.ปริญญากล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง