กรุงเทพฯ 4 ธ.ค. – ฟังหลายความเห็น และการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในภาพรวม ปี 66 ลุ้นการเมืองหลังเลือกตั้ง การจัดรัฐบาลใหม่ และนโนบายเศรษฐกิจ
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยบอกว่า ปัจจัยภายในประเทศ ปีหน้า จะมีการเลือกตั้งรัฐบาลชุดใหม่ แม้ว่าช่วงเลือกตั้งจะมีเม็ดเงินสะพัดกระตุ้นเศรษฐกิจได้ แต่ต้องจับตามองว่าการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่จะยืดเยื้อยาวนามแค่ไหน เพราะนักลงทุนต่างชาติจะดูว่านโยบายการลงทุนต่อเนื่อง และชัดเจนแค่ไหน ก่อนที่จะเข้ามาลงทุนในไทย ดังนั้น เศรษฐกิจไทยปีหน้า จะอยู่ที่ภาคการท่องเที่ยวเห็นได้ชัด นักท่องเที่ยว จากทั่วโลกหันมาท่องเที่ยวในไทยตั้งแต่ปลายปีนี้ และจะมากขึ้นในปีหน้า ขณะที่ภาคการส่งออกของไทยในปีหน้าเจอปัญหาการชะลอตัวเศรษฐกิจโลกทำให้อาจจะไม่ขยายตัวเป็นบวกมากนัก โดยเห็นได้ชัดตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนตุลาคมนี้ยอดส่งออกเริ่มติดลบ
นอกจากนี้ ปัจจัยที่ยังเป็นอุปสรรคต่อเศรษฐกิจไทยในปีหน้า แต่ทางศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยมองว่า เศรษฐกิจไทยปี 2566 จะยังเติบโตเป็นบวก และมากกว่าร้อยละ 3.5 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของไทยไม่น่าจะเกินกว่าร้อยละ 5 หากสงครามรัสเซียและยูเครนไม่ขยายตัว เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยยังเติบโตได้ดีอยู่
ก่อนหน้านี้ ขณะที่ ธนาคารแห่งประเทศไทยมองเศรษฐกิจไทยปี 2566 อยู่ที่ 3.7% และปี 2567 เพิ่มขึ้นเป็น 3.9% จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคเอกชน แม้ว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจะทำให้ภาคการส่งออกขยายตัวลดลงไปบ้าง โดยประเด็นที่จะต้องจับตาที่จะกระทบภาพรวมเศรฐกิจโลกในปีหน้า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งอาจจะส่งผลต่อความต่อเนื่องของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะเศรษฐกิจโลกอาจจะชะลอตัวมากกว่าที่คาด จากเศรษฐกิจของสหรัฐ และชาติยุโรป ที่เจอปัญหาอัตราเงินเฟ้อสูง และเศรษฐกิจจีนที่ยังเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยภายในประเทศ เช่น นโยบายควบคุมโควิด-19
ขณะที่ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ เผยแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี ในปี 2566 จะขยายตัวในช่วง 3.0 – 4.0% โดยมีแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยปีหน้าไทยจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มเป็น 23.5 ล้านคน มีรายได้จากการท่องเที่ยว 1.2 ล้านล้านบาท แต่ยอมรับว่าในปีหน้า ยังมีความผันผวนเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจากการระบาดโควิดที่อาจจะกลับมาระบาดขึ้นได้อีก และความกังวลการขยายตัวของสงคราม ระหว่างรัสเซีย-ยูเครน .-สำนักข่าวไทย