ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 18 พ.ย.-ประชุมผู้นำเอเปคเริ่มขึ้นแล้ว นายกฯ หวังผู้นำเขตเศรษฐกิจรับรองเป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลังโควิดอย่างเป็นรูปธรรม สมดุล ยั่งยืน ชี้ ไทยชูเป็นวาระแห่งชาติ เป็นยุทธศาสตร์ฟื้นฟูหลังโควิด
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมภายใต้หัวข้อ “การเจริญเติบโตที่สมดุล ครอบคลุม และยั่งยืน (Balanced, Inclusive and Sustainable Growth)” โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ผู้นำทุกประเทศมีความสุขกับค่ำคืนงานเลี้ยงรับรองผู้นำเขตเศรษฐกิจที่ทางประเทศไทยจัดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา และทุกคนจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ซึ่งประเทศไทยเป็นเกียรติที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในครั้งนี้ หลังจากที่ไม่ได้พบหน้ากันถึง 4 ปี และการประชุมเอเปคต่อจากนี้ จะเป็นการร่วมมือกันฟื้นฟูและนำพาภูมิภาคนี้ไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับการหารือในวันนี้จะหารือกันว่าเอเปคควรทำอย่างไร เพื่อจะเปลี่ยนผ่านไปสู่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืน จนถึงปัจจุบันยังต้องต่อสู้กับผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และถูกซ้ำเติมจากความท้าทายของสถานการณ์โลก ที่สำคัญยังต้องเผชิญกับภัยคุกคามการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบ ไม่ใช่แค่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงมนุษยชาติทั้งหมด จึงจำเป็นต้องร่วมมือกันบรรเทาผลกระทบและปกป้องโลกของเรา โดยไม่สามารถใช้ชีวิตแบบเดิมได้อีกต่อไป ดังนั้น ทุกคนจะต้องปรับมุม วิธีการใช้ชีวิตและการทำธุรกิจแบบใหม่
“ประเทศไทยได้นำแนวคิดเศรษฐกิจ BCG ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติมาเป็นยุทธศาสตร์ ในการฟื้นฟูจากผลกระทบโควิด-19 และเป็นแผนแม่บทสำหรับการพัฒนา และการเติบโตในระยะยาว ที่เข้มแข็ง สมดุล ยั่งยืน และครอบคลุม ทั้งนี้ เศรษฐกิจ BCG จะประสานแนวคิดเศรษฐกิจภูมิภาคและเศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียวเข้าด้วยกัน โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อที่จะสร้างคุณค่าเพิ่มประสิทธิภาพ ในการใช้ทรัพยากรให้เกิดความคุ้มค่า และส่งเสริมความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ เกี่ยวข้องกับการผลิตที่เน้นการนำเทคโนโลยีนวัตกรรม มาสร้างมูลค่าเพิ่มกับสินค้าที่เป็นทรัพยากร และวัตถุดิบชีวภาพที่ใช้แล้วไม่มีวันหมดไป สำหรับเศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นระบบการผลิตและการบริโภคสินค้า บริการแบบฟื้นสร้าง โดยมีการวางแผนและการออกแบบระบบ ให้ความสำคัญกับการลดขยะ ในขณะเดียวกันต้องพยายามใช้วัตถุดิบซ้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนเศรษฐกิจสีเขียว คือ การส่งเสริมพฤติกรรมที่มีความรับผิดชอบ และแนวคิดเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ซึ่งสร้างผลกำไรควบคู่กับการสร้างสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนและสังคมด้วย โดยแนวทางทั้งสามไม่ใช่สิ่งใหม่ แต่สิ่งที่ทำให้แนวคิดเศรษฐกิจ BCG แตกต่างออกไปคือ การตระหนักว่าความท้าทายหลากหลายที่ผสมอยู่ เชื่อมโยงคาบเกี่ยวกัน ดังนั้นการแก้ปัญหา จึงจะต้องไม่เป็นแบบแยกส่วน ด้วยเหตุนี้เศรษฐกิจ BCG จึงให้ความสำคัญ และไทยผลักดัน 3 แนวทางดังกล่าวอย่างเป็นองค์รวม เพื่อเป็นผลลัพธ์ที่มีผลทวีคูณและหลีกเลี่ยงผลลัพธ์ที่ได้อย่างเสียอย่าง
“หวังว่าการสร้างความร่วมมือและการมีความร่วมมือของทุกภาคส่วนจะทำให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG เป็นรูปธรรมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และฟื้นความสมดุล เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดังนั้นไทยเชื่อว่าแนวคิดเศรษฐกิจ BCG มีความเป็นสากล ดังนั้น การที่ไทยเป็นเจ้าภาพเอเปค ไทยจึงขอเสนอแนวคิดนี้ เข้าสู่การพูดคุยกันในกรอบการประชุม ไม่ว่าจะเป็นแนวทาง การบรรลุเป้าหมาย ด้านความยั่งยืนและสภาพพูมิอากาศ และทำให้ความพยายามของเอเปคในการขับเคลื่อนภูมิภาคไปข้างหน้า ตอบสนองความท้าทายที่เร่งด่วนในปัจจุบัน บนพื้นฐานของแนวคิดเศรษฐกิจ BCG” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยได้ริเริ่มการจัดทำเป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG เพื่อเป็นผลลัพธ์แห่งความจดจำ สำหรับการประชุมเอเปค 2565 โดยเป้าหมายกรุงเทพฯ จะเป็นกรอบแนวทาง ผลักดันวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนของเอเปคอย่างชัดเจน พลิกโฉม สมดุล และทะเยอทะยาน โดยมุ่งหวัง ขับเคลื่อนงานภายใต้ 4 เป้าหมายได้แก่ 1.สนับสนุนความพยายาม การเปลี่ยนแปลงสภาพพูมิอากาศ 2.ขับเคลื่อนการค้าการลงทุนอย่างยั่งยืน 3.ผลักดันการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และ 4. ปรับปรุงประสิทธิภาพ การใช้ทรัพยากรเพื่อลดขยะให้เป็นศูนย์ ไทยขอขอบคุณที่ผู้นำเศรษฐกิจที่จะสนับสนุนเป้าหมาย กรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG จนบรรลุฉันทามติด้วยดี
“หวังว่าผู้นำทุกคนจะได้ ร่วมกันรับรองเอกสารสำคัญดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ (19 พ.ย.) ซึ่งจะเป็นมรดกสำคัญของการประชุมเอเปค ประจำปี 2565 เพื่อต่อยอดเป้าหมายกรุงเทพฯ จึงอยากเสนอให้ทุกคนหารือกันว่าแนวคิดเศรษฐกิจ BCG จะสามารถแปลงวิสัยทัศน์และทิศทางตามที่ระบุไว้ในวิสัยทัศน์ปุตราจายาของเอเปค ค.ศ. 2040 และแผนปฎิบัติการ ROTROR ไปสู่การดำเนินการที่เป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความเจริญเติบโตที่ยั่งยืน สำหรับคนรุ่นหลัง ดังนั้น เอเปคต้องมองให้ไกลกว่าการฟื้นตัวของการระบาดโควิด-19 ไปสู่การฟื้นสร้างสภาพแวดล้อมให้มีความยืดหยุ่น และเอื้อต่อการเจริญเติบโตที่ครอบคลุมและยั่งยืน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในฐานะกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจชั้นนำของเราและแหล่งบ่มเพาะทางความคิด โดยเอเปคจะเร่งสร้างการเติบโตที่มีคุณภาพ เอื้อประโยชน์ทุกคนอย่างเป็นรูปธรรมแก่ทุกคนในระยะยาว แล้วเราจะร่วมมือให้เป็นรูปธรรมได้อย่างไร เพื่อจูงใจให้ภาคธุรกิจ ดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และเราจะช่วยส่งเสริมให้ประชาชนของเราปรับมุมมองและเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นผู้บริโภค และพลเมืองของโลกที่มีความรับผิดชอบได้อย่างไร จึงขอรับฟังความคิดเห็นของผู้นำเศรษฐกิจทุกท่าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจัดโต๊ะการประชุม เป็นโต๊ะใหญ่ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า สามารถมองเห็นกันได้ทุกคน โดยจัดเรียงที่นั่งตามตัวหนังสือนับจากตรงกลาง คือไทย ที่นั่งด้านขวา ของนายกรัฐมนตรีไทย คือนายเหวียน ซวน ฟุก ประธานนาธิบดีเวียดนาม ที่นั่งฝั่งด้านซ้าย คือนายเแอนโทนี แอลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย
ทั้งนี้ บรรยากาศก่อนการเริ่มประชุมเป็นไปอย่างผ่อนคลาย ขณะรอการประชุม นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีเขตเศรษฐกิจแคนาดา พูดคุยอย่างเป็นกันเองกับนายกาบริเอล โบริก ฟอนต์ ประธานาธิบดีเขตเศรษฐกิจชิลี ซึ่งช่วงหนึ่ง นายกาบริเอล ได้จับมือกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีเขตเศรษฐกิจจีน ด้วย.-สำนักข่าวไทย