กรุงเทพฯ 10 พ.ย. – “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” รอง ผบ.ตร. แถลงความคืบหน้าการติดตามอาวุธปืนของราชการตำรวจ สภ.ปากเกร็ด ตำรวจขอศาลออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องขณะนี้ 13 คน จับแล้ว 4 คน ยืนยันจะจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงความคืบหน้าการติดตามอาวุธปืนของราชการตำรวจ สภ.ปากเกร็ด ทั้งปืนสั้นและปืนยาว รวม 64 กระบอก ที่ทางตำรวจชุดสืบสวนภูธรภาค 1 ยึดได้จากผู้ที่รับซื้อปืนมาจาก ด.ต.เชาวลิต อดีตตำรวจสถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด จ.นนทบุรี ที่ทำหน้าที่รับผิดชอบการเบิกจ่ายอาวุธปืนของ สภ. แต่มีพฤติการณ์ทำเอกสารเท็จเบิกปืนออกไปขายต่อให้กับบุคคลอื่น
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การยึดของกลางดังกล่าว ตำรวจเข้าตรวจค้นทั้งบ้านและอาคารที่พัก 34 จุด ใน จ.นนทบุรี ปทุมธานี และกรุงเทพมหานคร พบว่าผู้ต้องหานำปืนไปจำนำกับบุคคลอื่น เมื่อไม่มีเงินไปไถถอนคืนจะนำปืนกระบอกใหม่ไปจำนำต่อกับรายอื่น และบางส่วนนำไปขายตลาดมืด
สำหรับปืนที่ผู้ต้องหานำไปขายถูกกระจายใช้ทั่วประเทศ รวมถึงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้ที่นำไปใช้ต่อนำสีดำพ่นทับอำพรางตราสัญลักษณ์ของทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ทั้งนี้ อาวุธปืนที่ถูกลักลอบออกไป ประกอบด้วย อาวุธปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. จำนวน 93 กระบอก อาวุธปืนพกสั้นลูกโม่ ขนาด .38 จำนวน 42 กระบอก อาวุธปืนยาว 25 กระบอก ทั้งหมด 160 กระบอก ติดตามคืนได้แล้ว 64 กระบอก
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวตำรวจขอศาลออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องขณะนี้ 13 คน โดยจับแล้ว 4 คน ทั้งหมดถูกแจ้งข้อกล่าวหารับของโจร มีรายงานว่าทั้ง 4 คนนี้ไม่มีอาชีพหลักแหล่ง มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและการพนัน ทำให้เห็นได้ว่าปืนเหล่านี้ตกไปอยู่กับกลุ่มบุคคลไม่ดี
ส่วนหลังจากนี้จะมีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องหรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันว่าจะจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วนปืนบางส่วนพบว่าถูกส่งขายต่อไปต่างประเทศแล้ว เจ้าหน้าที่จะพยายามติดต่อประสานกลับคืนมาให้ได้.-สำนักข่าวไทย