กรุงเทพฯ 24 ต.ค. – ตำรวจปราบปรามยาเสพติดลุยสกัดกั้นยาเสพติด ยึดยาบ้ากว่า 10 ล้านเม็ด ด้าน ผบ.ตร. กำชับให้ทุกหน่วยเข้ม นำผู้เสพเข้ารับการบำบัด เน้นชุมชน สถานศึกษา สถานบริการ
ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ร่วมกันแถลงผลการกวาดล้างเครือข่ายยาเสพติดพื้นที่อีสาน 2 เครือข่าย
คดีแรก ตำรวจปราบปรามยาเสพติดจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย พร้อมของกลางยาบ้า 10 กระสอบ ภายในบรรจุยาบ้า 4,000,000 เม็ด ปืน 2 กระบอก รถยนต์เก๋ง 1 คัน รถตู้อีก 1 คัน รวมทรัพย์สินกว่า 1,430,000 บาท คดีนี้ตำรวจขยายผลจากการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่ อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย จนทราบว่าวันที่ 19 ต.ค. จะมีการลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ จ.มุกดาหาร เพื่อส่งเข้าภาคกลาง จึงวางกำลัง กระทั่งพบรถต้องสงสัยเข้ามาในพื้นที่ อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด มุ่งหน้าไป จ.มหาสารคาม จอดเติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมัน จ.มหาสารคาม มีเป้าหมายไปส่งยาเสพติดในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี จึงขอตรวจค้น พบนายอดิศักดิ์ หรือเปีย เป็นผู้ขับรถเก๋ง ภายในรถพบกระสอบยาบ้าของกลาง วางเรียงกันภายในห้องโดยสารด้านหลังและท้ายรถเก๋ง โดยมีคนขับรถตู้ ทะเบียนสมุทรปราการ ทำหน้าที่สำรวจเส้นทาง และมี น.ส.วิภาดา นั่งมา กับคนขับรถตู้ จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
คดีที่ 2 จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมยาบ้า 16 กระสอบ บรรจุยาบ้ารวม 6 ล้านเม็ด เผยรับมาจาก อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เตรียมส่งต่อเครือข่าย อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา คดีนี้เป็นการขยายผลหลังจับกุมเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ผบ.ตร.แถลงยาบ้า 10 ล้านเม็ด
เมื่อปี 2562 และ 2564 ได้ไอซ์จำนวน 825 กก. สืบสวนแล้วยังพบว่ามีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง เมื่อทราบข้อมูลรถต้องสงสัยจึงนำกำลังเข้าสกัดจับรถกระบะได้บริเวณสี่แยกไฟแดงธวัชบุรี ต.นิเวศน์ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งมีนายสุจิตต์ และนายณัฐฐมงคล เป็นผู้ขับขี่และนั่งมากับรถ
ทั้งนี้ แก๊งค้ายาเสพติดทั้ง 2 เครือข่าย นำยาเสพติดมาจากแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อนำไปส่งลูกค้าพื้นที่ชั้นใน โดยตำรวจ ปส. สืบสวนหาข่าวและวางกำลังสกัดจับตามแนวชายแดน หากมีส่วนที่หลุดรอดเข้ามาจะมีชุดสกัดกั้นและติดตามจับกุมอีกส่วนหนึ่ง และจะติดตามขยายผลจับกุมผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งดำเนินการอายัดทรัพย์สินตามกฎหมาย ส่วนยาเสพติดของกลางที่ตรวจยึดมาได้จะส่งไปตรวจพิสูจน์ โดยที่ตำรวจจะไม่ได้เก็บรักษาไว้
ผบ.ตร. กล่าวว่า ได้กำชับให้ทุกหน่วยดำเนินมาตรการปราบปรามที่เข้มข้นมากขึ้น และใช้มาตรการป้องกัน นำผู้เสพเข้ารับการบำบัด โดยเฉพาะในชุมชน สถานศึกษา สถานบริการและสถานประกอบการ มีการสุ่มตรวจตามวงรอบ ปิดล้อมตรวจค้นชุมชนอย่างต่อเนื่อง ค้นหาผู้ติดยาเสพติดที่มีอาการทางจิตประสาทในพื้นที่ จัดทำฐานข้อมูลเพื่อพิจารณา จัดลำดับความรุนแรงของอาการ เพื่อนำเข้าบำบัดรักษาและค้นหา และนำผู้เสพ เข้าสู่กระบวนการบำบัดโดยสมัครใจโดยเร็ว
ทั้งนี้ หากมีเบาะแสเกี่ยวกับยาเสพติด อาวุธปืน สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 191 หรือ 1599 ขอให้มั่นใจว่าตำรวจจะทำงานอย่างรวดเร็วและจริงจัง.-สำนักข่าวไทย