บาห์เรน 26 เม.ย.- นายกฯ เผยผลการเดินทางเยือนบาห์เรน เตรียมตั้งกก.ประสานงานอาเซียนที่บาห์เรน เพื่อประสานกับกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) ชี้สองประเทศจะผลักดันความร่วมมือด้านต่าง ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างกัน ระบุบาห์เรนต้องการแพทย์ไทยรองรับตั้งศูนย์กลางทางการแพทย์ ชวนคนบาห์เรนเที่ยวไทย
“พัทธนันท์ สงชัย” ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ซึ่งติดตามภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เดินทางเยือนราชอาณาจักรบาห์เรนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 24-26 เมษายน ซึ่งเป็นการเยือนประเทศตะวันออกกลางประเทศแรกของนายกรัฐมนตรี รายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ภายหลังเสร็จภารกิจเดินทางเยือนราชอาณาจักรบาห์เรนอย่างเป็นทางการ ว่า มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯสมเด็จพระราชาธิบดีฮามัด บิน อิซา อัล คอลิฟะห์ แห่งราชอาณาจักรบาห์เรน และเจ้าชายคอลิฟะห์ บิน ซัลมาน อัล คอลิฟะห์ นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรบาห์เรน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า บาห์เรนเป็นประเทศตะวันออกกลางประเทศแรกที่เดินทางมาเยือนเพื่อกระชับความสัมพันธ์และติดตามความคืบหน้าความร่วมมือด้านต่าง ๆ ที่ได้ลงนามกันไว้ในอดีตถึง 23 ฉบับ กำลังทบทวนอีก 5 ฉบับ ในขณะที่ครั้งนี้ได้ลงนามร่วมกันอีก 3 ฉบับ ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศถือว่าอยู่ในช่วงดีที่สุด ดังนั้นในฐานะที่ไทยเป็นสมาชิกอาเซียนจึงมีหน้าที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบาห์เรนกับอาเซียนด้วยเช่นกัน จึงนับได้ว่าการมาเยือนบาห์เรนครั้งนี้มีการพูดคุยทั้งระดับทวิภาคีและพหุภาคี ทั้งนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการประสานงานอาเซียนที่บาห์เรน เพื่อทำหน้าที่ประสานกับกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับหรือ GCC ซึ่งมีบาห์เรนรวมอยู่ด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สมเด็จพระราชาธิบดีฮามัด บิน อิซา อัล คอลิฟะห์ แห่งราชอาณาจักรบาห์เรนทรงดำเนินนโยบาย “Economic Vision 2030” ซึ่งมีความใกล้เคียงกับ ไทยแลนด์ 4.0 ของไทย ที่ต้องการสร้างความมั่นคง มั่งคั่งให้ประชาชนบนพื้นฐานความยั่งยืน ทั้งสองฝ่ายจึงน่าจะร่วมมือกันผลักดันความร่วมมือด้านต่าง ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างกันได้ เช่น ด้านความมั่นคงทางอาหาร ไทยเป็นผู้ผลิตสินค้าฮาลาลรายสำคัญ และมีความรู้ด้านวิชาการเกษตร ในขณะที่บาห์เรนก็สามารถสนับสนุนไทยในการขยายตลาดสินค้าฮาลาลได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ด้านการท่องเที่ยว ปัจจุบันมีคนไทยมาเที่ยวบาห์เรนมากกว่าคนบาห์เรนไปเที่ยวไทย ดังนั้นต้องหาแนวทางเพิ่มมูลค่าด้านการท่องเที่ยว เช่น ส่งเสริมการเที่ยวไทยแบบแพ็คเกจของคนบาห์เรน นอกจากนี้บาห์เรน กำลังให้ความสำคัญด้านสาธารณสุขมาก เพราะเตรียมจัดตั้งเป็นเมืองแห่งศูนย์กลางทางการแพทย์ ในตะวันออกกลาง จึงต้องการแพทย์เชี่ยวชาญสาขาต่าง ๆ ของไทยมาช่วยตรวจรักษาผู้ป่วยและให้ความรู้ทางวิชาการ ในขณะที่แต่ละปีมีคนบาห์เรนจำนวนมากมารักษาหรือใช้บริการทางการแพทย์ที่ไทย ตนจึงรับปากกับรัฐบาลบาห์เรนว่าจะช่วยตรวจสอบควบคุมค่าบริการไม่ให้เกิดการเอาเปรียบ ส่วนด้านความมั่นคง สองประเทศจะมีความร่วมมือกันมากขึ้นในด้านการต่อต้านการก่อการร้าย ยาเสพติด และค้ามนุษย์
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบาห์เรน ทรงชื่นชมในน้ำใจ อัธยาศัยของคนไทยในการต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ดังนั้นคนไทยควรภูมิใจ เพราะตอนนี้เราต้องพบปะพูดคุยกับทุกประเทศ ที่สำคัญคือเราจะต้องเข้มแข็งไปด้วยกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งบาห์เรนก็เห็นด้วยในแนวทางนี้
“ตอนนี้ประเทศไทยต้องวิ่งไปข้างหน้า ไม่ใช่แค่ก้าว เราต้องวิ่ง ดูบาห์เรนเป็นตัวอย่าง เขาเป็นประเทศที่มีพื้นที่ไม่มาก ต้องถมทะเล แต่ก็สามารถพัฒนาจนมีความเจริญ กลายเป็นเมืองท่องเที่ยว ในขณะที่เรามีความพร้อม มีศักยภาพทุกด้าน เราจึงไม่ควรทิ้งสิ่งที่มีอยู่ ซึ่งคนไทยต้องอดทนและช่วยกัน” นายกฯ กล่าว .-สำนักข่าวไทย