กรุงเทพฯ 12 ต.ค.-รัฐมนตรีพาณิชย์ เปิดประชุม STEER ความร่วมมือเศรษฐกิจ ไทย-สิงคโปร์ ครั้งที่ 6 หวังเปิดประตูการค้าการลงทุนระหว่างกันให้สูงขึ้น ทั้งด้านลงทุน-เกษตร-ท่องเที่ยว-ทรัพย์สินทางปัญญาไทย
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวเป็นประธานการประชุมกรอบความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ระหว่างไทยและสิงคโปร์ (Singapore–Thailand Enhanced Economic Relationship หรือ STEER) ครั้งที่ 6 ระดับรัฐมนตรี ร่วมกับ ดร. ตัน ซี เหล็ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมคนที่สองของสิงคโปร์ ซึ่งปีนี้ครบรอบ 20 ปีของกรอบประชุม STEER ถือเป็นเวทีขับเคลื่อนความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับทวิภาคี ระหว่างไทยและสิงคโปร์ อาทิ สินค้าเกษตร เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การอำนวยความสะดวกทางการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และทรัพย์สินทางปัญญา โดยสิงคโปร์มีนักลงทุนเข้าที่มาลงทุนในประเทศไทยเป็นอันดับที่ 1 ของไทยในอาเซียน และเป็นอันดับที่ 5 ของไทยในโลก และเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 4 ของไทยในอาเซียนรองจาก มาเลเซีย เวียดนามและอินโดนีเซีย และเป็นอันดับที่ 8 ของไทยในโลก
อย่างไรก็ตาม แม้หลายปีที่ผ่านมาจะเจอปัญหาการแพร่ระบาดโควิด กระทบการค้าและการลงทุนอย่างมาก ดังนั้นเชื่อว่า หลังจากนี้การค้าและการลงทุนไทยกับสิงคโปร์จะเพิ่มขึ้น โดยมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับสิงคโปร์ 8 เดือนแรกปีนี้ ม.ค.-ส.ค. 65 มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 436,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% ไทยส่งออกไปสิงคโปร์ได้240,000 ล้านบาท ขยายตัว 35% สินค้าที่ส่งออกไปสิงคโปร์สำคัญ เช่น อัญมณี น้ำมันสำเร็จรูป แผงวงจรไฟฟ้าเครื่องคอมพิวเตอร์และอาหาร เช่น ไก่ ไข่ เนื้อสัตว์อื่นและเครื่องดื่มเป็นต้น ที่ไทยนำเข้าจากสิงคโปร์ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ เคมีภัณฑ์ แผงวงจรไฟฟ้า ทองคำแท่ง เป็นต้น
นอกจากนี้ ได้ทำ MOU ระหว่างไทยกับสิงคโปร์ 5 ฉบับทั้งระหว่างภาครัฐกับภาครัฐและเอกชนกับเอกชน 3.กิจกรรมจับคู่ธุรกิจออนไลน์ Online Businesses Matching หรือ OBM ระหว่างผู้ส่งออกไทย 33 บริษัทและผู้นำเข้าจากสิงคโปร์ 11 บริษัทรวมเป็น 44 บริษัท คาดว่าสามารถซื้อขายกันได้ประมาณ 30 ล้านบาทและอื่นๆอีกหลายกิจกรรมด้วยกัน โดยทางผู้บริหารสิงคโปร์ รับปากจะเชิญชวนนักธุรกิจสิงคโปร์และผู้ประกอบการเข้าร่วมกิจกรรมตในด้านต่างๆกับไทยอย่างแน่นอน โดยสิงคโปร์หยิบยกให้นักธุรกิจของสิงคโปร์ให้มาลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะด้านพลังงาน รถอีวี การให้บริการทั้งคำปรึกษาและด้านอื่นๆที่เกี่ยวกับสมาร์ทซิตี้ของไทย และสนใจแนวทางลดคาร์บอนนำไปสู่การได้คาร์บอนเครดิตของทั้ง 2 ประเทศร่วมกันและความร่วมมือด้านการลงทุนและธุรกิจการท่องเที่ยวเรือสำราญได้มีการหารือกัน และทรัพย์สินทางปัญญาหารือซึ่งเห็นตรงกันในเรื่องการไม่ต้องตรวจการจดทะเบียนสิทธิบัตรซ้ำซ้อน ซึ่งฝ่ายไทยพร้อมส่งเสริมร่วมกันเต็มที.-สำนักข่าวไทย