กรมบังคับคดี 24 เม.ย.-อธิบดีกรมบังคับคดี เผยไตรมาส 2 ผลักดันทรัพย์ได้กว่า 3.2 หมื่นล้านบาท รวม 2 ไตรมาสกว่า 6.2 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าตลอดปีงบฯ 60 จำนวน 1 แสนล้านบาท เผยสูงขึ้นเพราะเปิดการขายทอดตลาดนอกสถานที่และวันหยุด
น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี แถลงผลงานไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ 2560 (เดือนม.ค.-มี.ค.60) สามารถผลักดันทรัพย์ออกจากระบบกว่า 32,000ล้านบาท โดยเฉพาะในเดือน มี.ค.สามารถขายทรัพย์ได้ถึง 12,000ล้านบาท ส่งผลให้ยอดขายทอดตลาดรวม 2 ไตรมาสเป็นวงเงินกว่า 62,000ล้านบาท โดยกรมบังคับคดีได้กำหนดเป้าหมายการขายทอดตลาดทรัพย์ตลอดทั้งปีงบประมาณไว้ที่ 100,000ล้านบาท ขณะนี้ถือว่าขายไปแล้วกว่าร้อยละ 60
อธิบดีกรมบังคับคดี กล่าวต่อว่า ยอดการขายทอดตลาดที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นผลมาจากการขายนอกสถานที่และการขายในวันหยุดทำให้ได้ผู้ซื้อกลุ่มใหม่ หลังจากนี้ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2561 จะสั่งการให้สำนักงานบังคับคดีทั่วประเทศเปิดขายทอดตลาดในวันเสาร์และมีแนวคิดให้เอกชนเข้าร่วมจัดการขายทอดตลาดทรัพย์บังคับคดี ซึ่งอาจเข้าพ.ร.บ.ร่วมทุนซึ่งต้องหารือกับกระทรวงการคลัง
นอกจากนี้กรมบังคับคดียังจัดมหกรรมไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในชั้นบังคับคดี มีเรื่องเข้าสู่การไกล่เกลี่ย 6,769 เรื่อง ทุนทรัพย์กว่า 2,100ล้านบาท ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 6,109 เรื่องทุนทรัพย์กว่า1,787 ล้านบาท รวมถึงการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.) ซึ่งสามารถไกล่เกลี่ยหนี้กับผู้ค้ำประกัน และพ่อแม่ผู้กู้ยืมได้เงินส่งคืน กยศ. 250 ล้านบาท
ทั้งนี้ ยืนยันว่าในขั้นตอนการไกล่เกลี่ยไม่ใช่การล้างหนี้ ลูกหนี้ยังต้องชดใช้หนี้ให้ครบตามจำนวน เพียงแต่เป็นการกำหนดให้ใช้หนี้ภายใต้ขีดความสามารถในการชำระของลูกหนี้ ล่าสุดกรมบังคับคดีได้ประสานความร่วมมือไปยังสถาบันการเงินและกลุ่มผู้ปล่อยสินเชื่อให้เข้าร่วมในการไกล่เกลี่ยชั้นบังคับคดีเพื่อเข้าถึงลูกหนี้ครัวเรือน ลูกหนี้บัตตเครดิต เช่าซื้อรถยนต์ บ้านและกลุ่มธุรกิจ SMEs
สำหรับการผลักดันทรัพย์ของกรมบังคับคดี ถือเป็นดัชนีชี้วัดควาามเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ว่า อสังหาริมทรัพย์ยังเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในเขตเศรษฐกิจพิเศษ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และจังหวัดในกลุ่มระเบียงเศรษฐกิจหรืออีอีซี เช่นฉะเชิงเทรา ระยองและชลบุรี ซึ่งมีการเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
ส่วนการยึดทรัพย์ค่าปรับในคดียาเสพติดนั้น น.ส.รื่นวดี กล่าวว่า รวม 2 ไตรมาส มี 1,633 คดี ทุนทรัพย์ 694 ล้านบาท ราคาประเมินทรัพย์ 56 ล้านบาท สามารถบังคับคดี ส่งเงินให้ศาลกว่า 10 ล้านบาท และยังมีคดีในชั้นยึดทรัพย์ 499 คดี ขายได้ 87 เรื่อง ราคาประเมิน 7.4 ล้านบาท ในชั้นอายัดทรัพย์จำนวน 1,093 คดี ทุนทรัพย์ 435ล้านบาทส่งเงินอายัดแล้ว 14 ล้านบาทและเป็นการบังคับคดีแทนศาลอื่น 51คดี ราคาประเมิน 4.9ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย