กำแพงเพชร 5 ต.ค. – พ่อค้าไก่หมุนปลอมเป็นทนายความ ถูกฝากขังที่เรือนจำกลางจังหวัดกำแพงเพชรแล้ว ขณะที่ตำรวจเผยต้นตอเรื่องแดง และพบเคยสอบผ่านภาคทฤษฎี ก่อนฝึกปฏิบัติทนาย 6 เดือน
หลังมีกระแสข่าวการจับกุม พ่อค้าไก่หมุน ที่ปลอมเป็นทนายความสวมรอยเลขใบอนุญาตของคนอื่นรับว่าความหลายคดี โดยมีภูมิลำเนาอยู่ที่จ.กำแพงเพชรนั้น ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ สภ.เมืองกำแพงเพชร พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีให้ข้อมูลว่าเรื่องราวเกิดจากผู้ต้องหารับว่าความให้ผู้เสียหายในคดีแพ่งในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ จากนั้นแจ้งผู้เสียหายว่าชนะคดี โดยให้ดูคำพิพากษาของศาล พร้อมเรียกรับเงินค่าดำเนินการ
ต่อมาผู้เสียหายตรวจสอบคำพิพากษาดังกล่าวปรากฏว่าไม่มี และไม่มีคดีในสารบบของศาลจังหวัดกำแพงเพชร จึงเข้าพบพนักงานสอบสวนที่ จ.นครสวรรค์ เพื่อแจ้งความดำเนินคดี ทางพนักงานสอบสวนฯ จึงประสาน สภ.เมืองกำแพงเพชร เมื่อทราบเรื่องทางศาลจังหวัดกำแพงเพชร จึงตรวจสอบเลขที่คดี พบว่าไม่มีคดีอยู่ในสารบบของศาล และตรวจสอบรายชื่อทนายความ ก็ไม่พบว่าผู้ต้องหามีอยู่ในรายชื่อของสภาทนายความ จึงทราบว่าผู้ต้องหาได้ปลอมแปลงตั๋วทนาย เพื่อใช้ในการว่าความ สร้างความเสียหายให้กับศาลอย่างยิ่ง จึงแจ้งความดำเนินคดีกับทาง สภ.เมืองกำแพงเพชร และจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ดังกล่าว โดยขณะนี้ผู้ต้องหาถูกฝากขังอยู่ที่เรือนจำกลางจังหวัดกำแพงเพชรเรียบร้อยแล้ว
ขณะที่บ้านของผู้ต้องหา ในพื้นที่ ต.คณฑี อ.เมือง จ.กำแพงเพชร เป็นบ้านปูนชั้นเดียว ที่ประตูกระจกติดข้อความรับว่าความทั่วราชอาณาจักรคดีแพ่ง/อาญา พร้อมเบอร์ติดต่อ ภายในบ้านพบแม่และลูกสาวของผู้ต้องหาอีก 2 คน ผู้เป็นแม่ไม่อนุญาตให้บันทึกภาพ แต่ให้ข้อมูลว่าลูกชายเลิกอาชีพไก่หมุนแล้วมาทำอาชีพรับว่าความ หาเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียว เรื่องความผิดก็ว่ากันไปตามผิด แต่ในหัวอกแม่ ลูกชายเป็นที่รักเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัวมาตลอด หลังลูกชายถูกควบคุมตัวไป ไม่ได้ติดต่อกันเลย ไม่รู้จะไปติดต่อทางไหน ขณะนี้รู้สึกเป็นห่วงลูกอยากไปประกันตัวออกมา ชีวิตตอนนี้ลำบากมากเพราะตนพิการเดินไม่ได้และมีหลานสาวอีก 2 คน การดำรงชีพได้เพื่อนบ้านนำอาหารและของจำเป็นมาจุนเจือให้พอมีกินอิ่มไปเป็นมื้อ
ขณะเดียวกัน ทางตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก ให้ข้อมูลว่าเคยพบเห็นทนายไก่หมุนคนนี้เคยมาแสดงตัวว่าเป็นทนายความพาลูกความมาแจ้งความในคดีต่างๆ และมาขอคำแนะนำเรื่องคดีของลูกความบ้าง ครั้งสุดท้ายเมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ พาลูกความมาแจ้งความ เพิ่งมาทราบจากข่าวว่าเป็นทนายปลอม
ด้านครอบครัวของผู้ต้องหาซึ่งมีแม่ที่พิการและลูกสาวอีก 2 คน อายุ 7 ขวบ และ 8 ขวบ ต้องขาดเสาหลักในการดูแล เบื้องต้นทางนายกองค์การบริหารส่วนตำบลคณฑี ผู้นำท้องถิ่น เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดกำแพงเพชร และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดกำแพงเพชร ได้เดินทางเข้าไปเยี่ยม พร้อมให้การช่วยเหลือให้เข้าถึงสวัสดิการแห่งรัฐ และแนวทางช่วยเหลือด้านงบช่วยเหลือ และอื่นๆ ที่จะได้รับตามระเบียบ ส่วนเด็กทั้ง 2 คน ตอนนี้เรียนอยู่ในพื้นที่ ซึ่งผู้นำชุมชนช่วยกันดูแล และจะเรี่ยไรเงินทำบุญในชุมชนและผู้นำมาช่วยเหลือเบื้องต้นก่อน พร้อมกับจะประสานแม่ของเด็กให้เข้ามาช่วยดูแลร่วมกัน โดยนางกิมไล้ผู้เป็นแม่ยังอยู่ในความเสียใจ พูดทั้งน้ำตาอยากบอกลูกมีอะไรทำไมไม่บอกกัน คิดถึงลูกเหลือเกินหัวอกความเป็นแม่ หากเป็นไปได้เอาแม่ไปติดคุกแทนแม่ก็ยอม ด้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 เผยผู้ต้องหาเป็นคนเก็บตัว เปิดสำนักงานมาประมาณปีกว่าๆ มีคนในหมู่บ้านเคยมาติดต่อขอคำปรึกษาทางด้านกฎหมายประมาณ 2-3 เคส เมื่อทราบข่าวก็รู้สึกตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
จากการสอบสวนขยายผล จนมีการพาดพิงไปถึงทนายความคนหนึ่งในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ ว่าสนิทสนมกับพ่อค้าไก่หมุน และเคยร่วมงานในการช่วยว่าความด้วยหลายคดี อีกทั้ง ยังมีหลักฐานปรากฏบนโลกโซเชียล เป็นรูปถ่ายคู่กัน ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบทนายความผู้ที่ถูกพาดพิงถึง พบเฟซบุ๊กของทนายความรายนี้ ได้โพสต์ภาพ และข้อความชี้แจง ระบุว่า จากกรณีที่มีข่าวเกี่ยวกับ “รวบพ่อค้าไก่หมุนปลอมเป็นทนายขึ้นศาล แล้วปรากฏภาพถ่ายและชื่อของผมในข่าวนั้นด้วย ผมขอชี้แจงว่า ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่มีส่วนรู้เห็น ไม่มีส่วนได้เสีย กับการการะทำของทนายปลอมคนดังกล่าว ซึ่งได้พูดคุยกับแอดมินเพจ และผู้เสียหายในเรื่องดังกล่าวแล้ว ปรากฏว่าเป็นการนำชื่อ นามสกุล และภาพถ่ายของผมไปใช้อ้างอิงเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผม ดังนั้น ผมจึงขอชี้แจงว่า ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยประการใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งผมก็ตกอยู่ในฐานะผู้เสียหายคนหนึ่งเช่นกัน”
เพื่อให้กระจ่างกับเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปที่สำนักงานทนายความของนายวัชรพล ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.หนองกรด อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เจ้าตัว ยอมรับว่าตนกับพ่อค้าไก่หมุนรู้จักกันจริง แต่ไม่สนิทสนม รู้จักกันตั้งแต่ปี 53 ซึ่งตอนนั้น พ่อค้าไก่หมุนได้ไปฝึกงานในภาคปฏิบัติงานตั๋วทนายอยู่ที่สำนักทนายความของอาจารย์ตน และพอฝึกจบ ก็แยกย้ายกันไป จนกระทั่ง เมื่อกลางปี 64 พ่อค้าไก่หมุนติดต่อกลับมา และขอให้ตนช่วยทำคดีว่าความให้ในเรื่องของอาญา หมิ่นประมาทของศาล จ.นครสวรรค์ หลังจากนั้น จึงรู้จักกันเรื่อยมา แต่ในส่วนของตนที่รับงานทำคดีให้เขา รับทำมาแค่ 3 คดี ชนะ 1 คดีที่นครสวรรค์ ได้ทำจบไปแล้ว และเหลืออีก 2 คดีที่ จ.พิษณุโลก และที่ จ.กำแพงเพชร กำลังอยู่ในชั้นอุทธรณ์
“ตอนที่เขามาฝึกงานที่สำนักงานทนายความของอาจารย์ผม ผมรู้ว่าเขาเพิ่งสอบทนายในภาคทฤษฎีผ่าน จากนั้น ก็มาฝึกงานอยู่ในภาคปฏิบัติประมาณ 6 เดือน ก็แยกย้ายกันไปนานหลายปีไม่เคยติดต่อกัน แต่จู่ๆ เขาก็ติดต่อกลับมาขอให้ช่วยว่าความให้ ซึ่งก่อนจะรับงาน ตนก็เคยขอดูใบอนุญาตทนายความของเขาด้วยนะ เขาก็เอามาโชว์ให้ดู ผมก็เลยให้เกียรติเขา จึงไม่ขอตรวจสอบต่อ และที่ผ่านมา เท่าที่ผมรู้จักกับเขา เขาก็ดูคล่องแคล่ว เหมือนกับทนายความทุกอย่าง จึงทำให้ผมไม่สงสัยในตัวเขาต่อ
เมื่อถามถึงรูปถ่ายคู่กัน นายวัชรพล กล่าวว่า รูปนั้นจำไม่ได้ว่าเกิดช่วงปีไหน แต่วันนั้น เป็นวันที่จะเดินทางไปว่าความที่ จ.พิษณุโลกพอดี ส่วนพ่อค้าไก่หมุนก็โทรศัพท์ติดต่อมา บอกว่าจะเดินทางไปพิษณุโลกเช่นกัน และด้วยความหวังดี นึกสงสารเขาที่มีแต่รถจักรยานยนต์ขับขี่ จึงอาสาขับรถไปรับที่ จ.กำแพงเพชรโดยให้เขาขี่รถจักรยานยนต์ไปจอดที่ปั๊มน้ำมัน ก่อนจะเดินทางไปพิษณุโลกด้วยกัน และในระหว่างทางเขาได้ขอถ่ายรูปคู่ด้วย ก็ไม่ได้คิดอะไร แล้วสักพักเขาก็เอาไปโพสต์เฟซบุ๊ก และก็แท็กมาที่เฟซบุ๊กตน ซึ่งก็ไม่คาดคิดเลยว่า รูปภาพดังกล่าว เขาจะเอาไปแอบอ้าง โดยใช้รูปภาพนั้น รวมถึงชื่อ และนามสกุลของตน ไปหลอกรับงานว่าความ จนทำให้เกิดความเสียหาย
ส่วนกรณีที่มีผู้เสียหายในพื้นที่ จ.ชลบุรี 1 ราย ถูกพ่อค้าไก่หมุนหลอกลวง และพาดพิงมาถึงตนว่ารับงานแล้วก็ทิ้งงานไปเลยนั้น ขอยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และเรื่องนี้ได้ไปพูดคุยชี้แจงกับกลุ่มทนายความ และผู้เสียหายรายนี้แล้วว่า ตนโดนแอบเอาชื่อสกุล และรูปภาพ ไปแอบอ้าง โดยที่ไม่เคยรู้เรื่องใดๆ เลย ซึ่งเรื่องนี้ ตนมีหลักฐานคลิปที่บันทึกไว้ระหว่างโทรศัพท์ไปพูดคุยกับพ่อค้าไก่หมุน และเจ้าตัวก็ยอมรับสารภาพว่าเอาตนไปแอบอ้างจริงๆ จนทางผู้เสียหายเข้าใจแล้ว และตนก็ได้ไปลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานไว้แล้วด้วยเช่นกัน.-สำนักข่าวไทย