สภาทนายฯ แจ้งความ “ทนายไก่หมุน” แม่ผู้ต้องหายันผิดว่าไปตามผิด

กำแพงเพชร 6 ต.ค. – วันนี้ สภาทนายความเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ “พ่อค้าไก่หมุน” ที่แอบอ้างเป็นทนาย สวมใบอนุญาตทนายความของทนายจริง ๆ ด้านศาลยุติธรรมยุติธรรมตรวจสอบพบเคยว่าความ 2 คดี ในศาลจังหวัดกำแพงเพชร ส่งเจ้าหน้าที่แจ้งความดำเนินคดีแล้ว ด้านแม่ผู้ต้องหา ยันผิดว่าไปตามผิด แต่หัวอกแม่ ลูกชายเป็นที่รัก เป็นคนหาเลี้ยงครอบครัวมาตลอด


เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ สภ.เมืองกำแพงเพชร พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีให้ข้อมูลว่าเรื่องราวเกิดจากมีทนายความคนหนึ่งรับว่าความให้ผู้เสียหายในคดีแพ่งในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ จากนั้นแจ้งผู้เสียหายว่าชนะคดี โดยให้ดูคำพิพากษาของศาล พร้อมเรียกรับเงินค่าดำเนินการ ต่อมาผู้เสียหายตรวจสอบคำพิพากษาดังกล่าวปรากฏว่าไม่มี และไม่มีคดีในสารบบของศาลจังหวัดกำแพงเพชร จึงเข้าพบพนักงานสอบสวนที่ จ.นครสวรรค์ เพื่อแจ้งความดำเนินคดี

ทางพนักงานสอบสวนฯ จึงประสาน สภ.เมืองกำแพงเพชร เมื่อทราบเรื่องทางศาลจังหวัดกำแพงเพชร จึงตรวจสอบเลขที่คดี พบว่าไม่มีคดีอยู่ในสารบบของศาล และตรวจสอบรายชื่อทนายความ ก็ไม่พบว่าผู้ต้องหามีอยู่ในรายชื่อของสภาทนายความ จึงทราบว่าทนายคนนี้ได้ปลอมแปลงตั๋วทนายเพื่อใช้ในการว่าความ สร้างความเสียหายให้กับศาลอย่างยิ่ง จึงแจ้งความดำเนินคดีกับทาง สภ.เมืองกำแพงเพชร


และผู้ต้องหา ตือ นายพรเทพ คะเชนทร์ภักดิ์ พ่อค้าไก่หมุน ที่ปลอมเป็นทนายความสวมรอยเลขใบอนุญาตของคนอื่นรับว่าความหลายคดี มีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.กำแพงเพชร ถูกจับกุมตัวได้ดังกล่าว และขณะนี้ถูกฝากขังอยู่ที่เรือนจำกลางจังหวัดกำแพงเพชรเรียบร้อยแล้ว

สภาทนายฯ ยัน “พ่อค้าไก่หมุน” เป็นทนายปลอม
ด้านสภาทนายความ ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบทนายคนนี้ปลอมใบอนุญาตทนายความ โดยใช้เลขที่อนุญาตเป็นของบุคคลอื่น และเมื่อตรวจสอบรายชื่อก็พบว่าไม่เคยผ่านการฝึก อบรมวิชาว่าความของสภาทนายความ และไม่เคยมีใบอนุญาตทนายความมาก่อน เข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ทนายความ มีโทษทางอาญากำหนดชัดเจน และมีการปลอมแปลงใบอนุญาตทนายความ นอกจากนี้มีการแอบอ้างประชาสัมพันธ์ในสื่อต่างๆ ว่าเป็นทนายความให้คนหลงเชื่อ เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน

ส่วนการไปดำเนินการว่าความในศาล สำนักงานศาลยุติธรรม อาจเข้าข่ายการละเมิดอำนาจศาล
และเช้าวันนี้ นายกสภาทนายความได้ออกหนังสือมอบอำนาจให้นายทะเบียนทนายความไปแจ้งความเอาผิดทนายไก่หมุน ที่ สภ.เมืองกำแพงเพชร ในช่วงบ่ายวันนี้


ส่วนทนายความที่ถูกสวมใบอนุญาต ถือว่าเป็นผู้เสียหาย สามารถไปแจ้งความร้องทุกข์ได้เช่นกัน ส่วนคดีที่ทนายปลอมคนนี้ได้ว่าความ และคดีที่มีคำพิพากษาสิ้นสุดไปแล้ว จะขึ้นอยู่กับดุลพินิจศาล ไม่สามารถก้าวล่วง

อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางสภาทนายฯ เตรียมพูดคุยกับศาลในการดำเนินการวางระบบให้สามารถตรวจสอบข้อมูลระหว่างศาลและสภาทนายฯ ได้ ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นอีก รวมถึงเตรียมวางระบบให้ประชาชนสามารถมาตรวจสอบใบอนุญาตทนายความได้อย่างสะดวก ซึ่งที่ผ่านมาจะใช้วิธีให้โทรศัพท์เข้ามาสอบถามเท่านั้น

ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการกระทำของบุคคลดังกล่าวที่มีการไปละเมิดและต้องรับผิดในส่วนใดบ้าง โดยสรุปทั้งหมด 4 ประเด็น
1.เข้าข่ายการกระทำความผิดมาตรา 33 ตาม พ.ร.บ.ทนายความ ที่กำหนดไว้ว่า ห้ามไม่ให้บุคคลที่ไม่ได้เป็นทนายความไปว่าความในศาล หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2.เข้าข่ายการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานปลอมและใช้เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ปลอม เนื่องจากใบอนุญาตทนายความเป็นรูปแบบสมาร์ทการ์ดและปรากฏลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ การปลอมแปลงจึงมีความผิดตามมาตรา 269/1 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 100,000 บาท

และการที่นำเอกสารที่ปลอมแปลงไปใช้ทั้งที่รู้ มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 7 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3.หลอกลวงทำให้ประชาชนเสียหาย เป็นลักษณะของการฉ้อโกง ซึ่งไม่ได้มีผู้เสียหายเพียงรายเดียว เพราะทำมาเป็นระยะเวลานานกว่า 1 ปี ซึ่งผู้เสียหายสามารถไปแจ้งความร้องทุกข์ในท้องที่เกิดเหตุได้ ขณะเดียวกัน สภาทนายความได้สั่งการให้กรรมการสภาทนายความภาค 6 ดำเนินการตั้งโต๊ะรับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายที่ถูกบุคคลดังกล่าวแอบอ้างแล้ว ซึ่งจะช่วยเหลืออย่างไรบ้างนั้น จะพิจารณาเป็นกรณีไป
4.เข้าข่ายละเมิดอำนาจศาล ซึ่งประเด็นนี้สภาทนายความไม่ก้าวล่วง แต่ศาลก็มีมาตรการในการดำเนินการอยู่

ทั้งนี้ พฤติกรรมของบุคคลดังกล่าวจะต้องถูกดำเนินคดีแบบต่างกรรมต่างวาระ จึงต้องไปดูว่ามีการดำเนินการในฐานะทนายความไปแล้วกี่ครั้ง แต่งตั้งเข้าไปเป็นทนายความแล้วกี่สำนวน ซึ่งอาจต้องรับโทษจำนวนมาก

ตรวจสอบพบทนายปลอม เคยว่าความ 2 คดี
นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม เผยได้รับรายงานจากศาลจังหวัดกำแพงเพชร เจอแล้ว 2 คดี เป็นคดีหมิ่นประมาท และคดีฉ้อโกง โดยขณะนี้ทางศาลกำแพงเพชรได้ส่งตัวแทนไปแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.เมืองกำแพงเพชร ดำเนินคดีตามกฎหมายอาญา ส่วนของศาล ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการพิจารณาของเจ้าของสำนวนคดีใช้ดุลยพินิจจัดการว่าจะลงโทษหรือไม่อย่างไ ร และให้ทางศาลในพื้นใกล้เคียงตรวจสอบย้อนหลังว่ามีคดีที่ทนายปลอมว่าความที่ไหนอีกหรือไม่


แม่ทนายปลอมรับลูกผิดว่าไปตามผิด เลิกขายไก่หมนุแล้ว
ขณะที่บ้านของผู้ต้องหา อ.เมือง จ.กำแพงเพชร เป็นบ้านปูนชั้นเดียว ประตูกระจกติดข้อความรับว่าความทั่วราชอาณาจักรคดีแพ่งอาญา พร้อมเบอร์ติดต่อ ภายในบ้านพบแม่และลูกสาวของผู้ต้องหาอีก 2 คน ผู้เป็นแม่ขอร้องด้วยน้ำตา ไม่อนุญาตให้บันทึกภาพ แต่ให้ข้อมูลว่าลูกชายเลิกอาชีพไก่หมุนแล้ว มีอาชีพรับว่าความหาเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียว เรื่องความผิดก็ว่ากันไปตามผิด แต่หัวอกแม่ ลูกชายเป็นที่รัก เป็นคนหาเลี้ยงครอบครัวมาตลอด หลังลูกชายถูกควบคุมตัวไปไม่ได้ติดต่อกันเลย ไม่รู้จะไปติดต่อทางไหน ขณะนี้รู้สึกเป็นห่วงลูกอยากไปประกันตัวออกมา ชีวิตตอนนี้ลำบากมาก เพราะตนพิการเดินไม่ได้ มีหลานสาวอีก 2 คน การดำรงชีพได้เพื่อนบ้านนำอาหารและของจำเป็นมาจุนเจือให้พอมีกินอิ่มไปเป็นมื้อ. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

EOD ลุยค้นหาจรวด หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง

13 ส.ค. – EOD ลุยค้นหา-เก็บกู้จรวดในพื้นที่บุรีรัมย์-ศรีสะเกษ หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง ขณะที่คณะ ICRC ลงพื้นที่เก็บข้อมูลผลกระทบเหตุปะทะ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด EOD ลงพื้นที่ตรวจสอบไร่ยางพาราของชาวบ้านและอีกหลายจุด ในเขต ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบหลุมต้องสงสัยอยู่ในที่ดินของตัวเอง จากการตรวจสอบพบสะเก็ดระเบิด และอีกหลายจุดพบเป็นหลุมคล้ายหลุมจรวด BM21 ที่ตกลงมา เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และต้องใช้ความระมัดระวัง ขณะที่ชาวบ้านที่เพิ่งเข้ามาอยู่บ้าน ยังไม่มั่นใจกับสถานการณ์ โดยเฉพาะหลังมีทหารเหยียบทุ่นระเบิดเป็นรายที่ 5 EOD เร่งตรวจสอบ–กู้ระเบิดกระสุนปืนใหญ่ชายแดน ส่วนที่ศรีสะเกษเจ้าหน้าที่ EOD สนธิกำลัง ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีพบกระสุนปืนใหญ่ตกในเขต ต.เสาธงชัย และ ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดน เบื้องต้นพบ 7 จุด บริเวณสวนยางพาราและใกล้เขตชุมชน โดยส่วนใหญ่เป็นลูกกระสุนปืนใหญ่ขนาด 100 มิลลิเมตร เจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดตรวจพิสูจน์ พบว่าหลายลูกระเบิดไปแล้ว เหลือเพียงเศษซาก และยังพบอีก 1 จุดในพื้น […]

อึ้งพระอยู่กับสีกา เปิดบนรถเจอกองทิชชูใช้แล้ว

สกลนคร 13 ส.ค. – วงการผ้าเหลืองฉาวอีก ตำรวจตรวจรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง พบพระกับสีกาอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 คุยไปคุยมา สุดท้ายไปจบที่ลาสิกขา หลังตำรวจ สภ.ขมิ้น จ.สกลนคร ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน พบรถเก๋งต้องสงสัยสีดำ จอดผิดปกติบริเวณ ริมคลอง บ.พาน ต.ขมิ้น อ.เมือง จ.สกลนคร เมื่อเข้าไปตรวจสอบ ตำรวจต้องอึ้ง เมื่อเจอพระอยู่กับสีกา 2 ต่อ 2 ในรถ ต่อมาทราบว่า คือ พระชัยณรงค์ อายุ 53 ปี สังกัด วัดแห่งหนึ่ง อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ จึงเชิญตัวไปยังวัดใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อทำพิธีลาสิกขา และนำตัวมาตรวจปัสสาวะ ผลไม่พบสารเสพติด แต่รถที่พระเเละสีกาดังกล่าวอยู่ด้วยกัน พบเป็นรถที่ถูกสวมทะเบียน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ คืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง สภ.ขมิ้น พบรถเก๋งคันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณสถานที่เก็บของกลาง กระจกด้านข้างและด้านหลังติดฟิล์มดำสนิท แต่ด้านหน้าฟิล์มใสมองเห็นถึงภายใน ที่เบาะนั่งข้างคนขับ ยังพบกองจีวรของทิดชัยณรงค์ […]

สถานการณ์ชายแดนสุ่มเสี่ยงปะทะรอบ 2

สุรินทร์ 13 ส.ค. – กระแสข่าวจากหลายฝ่ายยืนยันตรงกันว่าระยะ 2 วันนี้ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเพิ่มความตึงเครียด สุ่มเสี่ยงที่จะมีการปะทะรอบ 2 ฝ่ายปกครอง จ.สุรินทร์ จึงแจ้งเตือนไปยังกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ให้ลูกบ้านเตรียมพร้อมรองรับเหตุฉุกเฉิน ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศ ในหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือน พบว่า หลายครอบครัวเพิ่งกลับเข้าพื้นที่ 1-2 วัน หลังอพยพหนีภัยการสู้รบในห้วงวันที่ 24 – 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ได้รับข่าวไม่สู้ดีนัก เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง แจ้งให้เตรียมความพร้อม เก็บสัมภาระไว้เพื่อรองรับสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงการปะทะ รอบ 2 ซึ่งอาจรุนแรงมากกว่ารอบแรก ทำให้ชาวบ้านหลายคนต่างตื่นตระหนก ต้องการอพยพไปอยู่นอกพื้นที่ แต่เมื่อผู้นำหมู่บ้านทำความเข้าใจ ก็คลายความกังวลลงบ้าง โดยสื่อสารข้อความจากนายอำเภอพนมดงรักว่า รอให้มีเสียงปะทะกันเกิดขึ้นก่อน จึงให้อพยพ ซึ่งชาวบ้านก็เชื่อฟัง เพราะส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจะอพยพไปที่ไหน เพราะยังไม่มีการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะที่หญิงคนหนึ่งติดอยู่ในพื้นที่สู้รบ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือนตลอดห้าวัน เพราะเป็นห่วงวัวที่เลี้ยงไว้ จึงอาศัยอยู่ในกระต๊อบพร้อมญาติรวมสี่คน และประเมินสถานการณ์ว่า น่าจะปลอดภัย เพราะวิถีกระสุนไปตกไกลกว่า จึงได้ยินเสียงปะทะอย่างชัดเจน […]

คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำ ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัว

มุกดาหาร 13 ส.ค.- คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา หลังศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุก 26 ปี คดีน้องชมพู่ จากกรณีศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาเพิ่มโทษให้จำคุก “ลุงพล” 26 ปี ฐานเจตนาฆ่าเด็ก พรากผู้เยาว์ และอำพรางศพ ขณะที่ “ป้าแต๋น” พิพากษายืนยกฟ้อง ในคดีฆาตกรรม น้องชมพู่ ทั้งนี้ภายหลัง ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ “ลุงพล” ได้ยื่นขอประกันตัว โดยศาลจังหวัดมุกดาหาร เสนอไปยังศาลฎีกา ล่าสุด ช่วงเย็นที่ผ่านมา ศาลฎีกายังไม่มีคำตอบลงมาว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ ทำให้ “ลุงพล” ถูกคุมตัวไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา ย้อนไปคดีนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 น้องชมพู่ วัย 3 ขวบ หายไปจากบ้านพักภาย ในหมู่บ้านกกกอก ทำให้ชาวบ้านมากกว่า 200 ชีวิต รวมถึง ตัวลุงพล ช่วยกันออกตามหา […]