สภาทนายความ จ่อแจ้งความพ่อค้าไก่หมุนพรุ่งนี้

กรุงเทพฯ 5 ต.ค. – สภาทนายความแถลงข่าวกรณีพ่อค้าไก่หมุน ปลอมแปลงเอกสารแอบอ้างเป็นทนายความไปว่าความในศาลหลายคดี ระบุจากการตรวจสอบพบบุคคลดังกล่าวไม่เคยผ่านการฝึกอบรมวิชาว่าความของสภาทนายความ และไม่เคยมีใบอนุญาตทนายความมาก่อน เตรียมแจ้งความพรุ่งนี้ (6 ต.ค.)


ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ นายวีรศักดิ์ โชติวานิช อุปนายกฝ่ายเทคโนโลยีและสารสนเทศ และรองโฆษกสภาทนายความ และนายสุนทร พยัคฆ์ เลขาธิการและกรรมการประชาสัมพันธ์สภาทนายความ ร่วมกันแถลงข่าวถึงกรณีที่มีพ่อค้าไก่หมุน ทำการปลอมแปลงเอกสารแอบอ้างเป็นทนายความไปว่าความในศาลหลายคดี

ดร.วิเชียร กล่าวว่า เบื้องต้นสภาทนายความได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น ทราบว่าบุคคลดังกล่าว มีการปลอมใบอนุญาตทนายความ เนื่องจากเลขที่อนุญาตเป็นของบุคคลอื่น และเมื่อตรวจสอบรายชื่อก็พบว่า บุคคลดังกล่าวไม่เคยผ่านการฝึกอบรมวิชาว่าความของสภาทนายความ และไม่เคยมีใบอนุญาตทนายความมาก่อน ซึ่งเข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ทนายความ มีโทษทางอาญากำหนดชัดเจน และยังมีการปลอมแปลงใบอนุญาตทนายความ ซึ่งเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ จะมีความผิดเพิ่มเติมด้วย นอกจากนี้ยังมีการแอบอ้างโดยประชาสัมพันธ์ในสื่อต่างๆ ว่าเป็นทนายความ ให้คนหลงเชื่อ เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน ส่วนการไปดำเนินการว่าความในศาล สำนักงานศาลยุติธรรมก็มีกฎระเบียบ อาจเข้าข่ายการละเมิดอำนาจศาล ซึ่งตนได้มอบหมายให้นายทะเบียนสภาทนายความ ไปดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์บุคคลดังกล่าวที่พื้นที่เกิดเหตุ คือ สภ.เมืองกำแพงเพชร ในวันพรุ่งนี้ (6 ต.ค.) ส่วนทนายความที่ถูกสวมใบอนุญาตไป ก็ถือว่าเป็นผู้เสียหาย สามารถไปแจ้งความร้องทุกข์ได้เช่นกัน


ทั้งนี้ ในส่วนของคดีที่บุคคลดังกล่าว ได้มีการว่าความในชั้นศาลไปแล้วนั้น คดีที่มีคำพิพากษาสิ้นสุดไปแล้ว จะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ทางสภาทนายความไม่สามารถก้าวล่วง แต่คดีที่ยังอยู่ในชั้นพิจารณา การกระทำของบุคคลดังกล่าวที่แต่งตั้งเป็นทนายความเข้าไปโดยไม่มีใบอนุญาต เข้าข่ายผิดระเบียบ สามารถเพิกถอนและแต่งตั้งทนายความที่ถูกต้องเข้าไปแทนได้ ส่วนกระบวนพิจารณาที่ผ่านมาแล้ว ก็สามารถรื้อได้ใหม่ ซึ่งศาลอาจมีดุลพินิจเห็นเอง หรือคู่ความจะร้องต่อศาลก็ได้เช่นกัน

ด้านนายวีรศักดิ์ ได้อธิบายเพิ่มเติมถึงรายละเอียดของผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการกระทำของบุคคลดังกล่าว ว่ามีการไปละเมิดและต้องรับผิดในส่วนใดบ้าง โดยสรุปได้ทั้งหมด 4 ประเด็น ดังนี้

1.เข้าข่ายการกระทำความผิดมาตรา 33 ตาม พ.ร.บ.ทนายความ ที่กำหนดไว้ว่า ห้ามไม่ให้บุคคลที่ไม่ได้เป็นทนายความไปว่าความในศาล หากฝ่าฝืน มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


  1. เข้าข่ายการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานปลอมและใช้เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ปลอม เนื่องจากใบอนุญาตทนายความเป็นรูปแบบสมาร์ทการ์ดและปรากฏลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ การปลอมแปลงจึงมีความผิดตามมาตรา 269/1 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 100,000 บาท และการที่นำเอกสารที่ปลอมแปลงไปใช้ทั้งที่รู้ เป็นความผิดตามมาตรา 269/4 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 7 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งในกรณีที่เป็นผู่ปลอมแปลงด้วยและใช้บัตรที่ปลอมแปลงด้วย จะต้องรับโทษฐานใช้บัตรที่ปลอมแปลง เนื่องจากเป็นบทที่หนักกว่า

โดยในประเด็นที่ 1 และ 2 นี้ เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสภาทนายความ จึงได้ดำเนินการมอบหมาย เตรียมให้นายทะเบียนไปดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวแล้ว

3.พฤติกรรมดังกล่าว ยังเป็นการไปหลอกลวงทำให้ประชาชนเสียหาย เป็นลักษณะของการฉ้อโกง ซึ่งไม่ได้มีผู้เสียหายเพียงรายเดียว เพราะทำมาเป็นระยะเวลานานกว่า 1 ปี มีคนหลงเชื่อจำนวนมาก เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ซึ่งผู้เสียหายสามารถไปแจ้งความร้องทุกข์ในท้องที่เกิดเหตุได้ ขณะเดียวกัน สภาทนายความได้มีการสั่งการให้กรรมการสภาทนายความภาค 6 ดำเนินการตั้งโต๊ะรับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายที่ถูกบุคคลดังกล่าวแอบอ้างแล้ว ซึ่งจะช่วยเหลืออย่างไรบ้างนั้น จะพิจารณาเป็นกรณีไป

4.การเข้าไปดำเนินการในศาลเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาล ซึ่งประเด็นนี้สภาทนายความไม่ก้าวล่วง แต่ศาลก็มีมาตรการในการดำเนินการอยู่

ขณะที่นายสุนทร กล่าวเพิ่มเติมว่า พฤติกรรมของบุคคลดังกล่าว จะต้องถูกดำเนินคดีแบบต่างกรรมต่างวาระ จึงต้องไปดูว่า มีการดำเนินการในฐานะทนายความไปแล้วกี่ครั้ง แต่งตั้งเข้าไปเป็นทนายความแล้วกี่สำนวน ซึ่งอาจต้องรับโทษจำนวนมาก

ดร.วิเชียร ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ปกติแล้วในขั้นตอนยื่นสำนวนเข้าสู่กระบวนการชั้นศาล ศาลจะพิจารณาจากใบแต่งตั้งทนายความ และใบอนุญาตทนายความ ไม่ได้มีการตรวจสอบข้อมูลกลับมายังสภาทนายความ ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางสภาทนายความ ก็เตรียมที่จะพูดคุยร่วมกับศาล ในการดำเนินการวางระบบให้สามารถตรวจสอบข้อมูลระหว่างศาลและสภาทนายความได้ ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นอีก รวมถึงเตรียมที่จะวางระบบให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้ามาตรวจสอบใบอนุญาตทนายความได้อย่างสะดวกด้วย ซึ่งที่ผ่านมาจะใช้วิธีการให้โทรศัพท์เข้ามาสอบถามเท่านั้น. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

คุมได้แล้ว! เพลิงไหม้โรงงานผลิตยาง จ.สมุทรสาคร

สมุทรสาคร 7 ก.ค. – คุมได้แล้ว! ไฟไหม้โรงงานผลิตยาง จ.สมุทรสาคร พบต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณท่อส่งน้ำมัน หวั่นอาคารพังถล่ม หลังโหมไหม้รุนแรง ภาพจากมุมสูงจะเห็นอาคารที่เกิดเหตุมีขนาดใหญ่เนื้อที่ราวๆ 3-4 ไร่ ต.บ้านเกาะ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ของบริษัทประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ทำจากยาง เจ้าหน้าที่ต้องระดมรถน้ำของ อบต.บ้านเกาะ และพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 20 คัน ฉีดน้ำสกัดเพลิงที่โหมลุกไหม้อย่างรุนแรง ควันสีดำพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้า มีเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะ จุดต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณท่อส่งน้ำมันที่ใช้ในกระบวนการผลิตภายในโรงงาน เนื่องจากมีเชื้อเพลิงไวไฟ ประกอบกับภายในมีสินค้าประเภทยางที่ผลิตแล้วเป็นจำนวนมาก ทำให้เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็วจนอาคารเริ่มทรุดตัว มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 คน เป็นเจ้าหน้าที่ของโรงงาน 1 คน และเจ้าหน้าที่ดับเพลิง 1 คน เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ไฟยังดับไม่สนิท เนื่องจากภายในมีทั้งเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิต วัตถุดิบไวไฟ และสินค้ายางยืดที่ผลิตเสร็จแล้วจำนวนมาก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี จึงต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไปเรื่อยๆ พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่ชุดผจญเพลิงนำอุปกรณ์เข้าไปดับไฟด้านใน ทั้งนี้ ต้องเฝ้าระวังความปลอดภัยจากตัวอาคารที่อาจพังถล่มลงมาได้ เนื่องจากถูกไฟลุกไหม้อย่างรุนแรงจนเสียหายเกือบทั้งหมด คนงานเล่าว่าเพลิงลุกที่ท่อส่งน้ำมันที่ส่งไปยังเครื่องจักร ซึ่งใช้ในกระบวนการผลิตสินค้าประเภทยาง แต่ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร […]

หนุ่มวัย 24 สารภาพผลักลูกเลี้ยงหัวฟาดพื้นดับ คุมทำแผนฯ

นนทบุรี 7 ก.ค. – ตำรวจคุมตัวพ่อเลี้ยงโหด ผลักลูกเลี้ยงวัย 2 ขวบ ล้มศีรษะฟาดพื้นเสียชีวิต ทำแผนฯ หลังเค้นสอบกว่า 6 ชั่วโมง จนยอมรับ อ้างโมโหเด็กส่งเสียงดังรบกวน ตำรวจ สภ.บางบัวทอง คุมตัวนายธนวัฒน์ อายุ 24 ปี ทำแผนประกอบคำรับสารภาพทำร้ายร่างกาย “น้องขงเบ้ง” อายุ 2 ขวบ 5 เดือน ลูกเลี้ยง จนเสียชีวิตภายในบ้านพัก ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พร้อมให้การว่า เด็กส่งเสียงดังรบกวนจึงเกิดความโมโหผลักจนล้ม ทำให้บริเวณท้ายทอยกระแทกกับพื้น กระทั่งแน่นิ่งไป เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 18.00-20.00 น. เมื่อวานนี้ (6 ก.ค.) ส่วนบาดแผลรอยจ้ำตามร่างกายและบาดแผลอื่นๆ นายธนวัฒน์ยังไม่รับสารภาพ ต้องรอผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ประกอบอีกครั้ง แม่ของเด็ก อายุ 25 ปี เล่าว่า ตนออกไปทำงานทุกวัน เวลา 4 โมงเย็น […]

“บิ๊กเต่า” เผย “สีกา ก.” ให้ข้อมูลเป็นประโยชน์ เลือกเหยื่อรวย-เข้าถึงง่าย

7 ก.ค. – “บิ๊กเต่า” เรียกประชุมแบ่งภารกิจให้กองใต้สังกัด สืบสวนสอบสวนหาข้อมูลเพิ่ม เผยคืบหน้ากรณี “ทิดอาชว์” และนางสาว ก. เจ้าตัวยอมรับเลือกแต่คนรวย-เข้าถึงง่าย อ้างสำนึกผิด ยอมร่วมมือกับตำรวจ พร้อมจี้สำนักพุทธฯ ทำงานให้มากกว่านี้ เพื่อเรียกศรัทธาวงการสงฆ์กลับมา ความคืบหน้าในประเด็น อดีตพระเทพวชิรปาโมกข์ หรือ ทิดอาชว์ เจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ เจ้าคณะภาค 14-15 สายธรรมยุต มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับนางสาว ก. จนถูกแบล็กเมล์รีดไถ่เงิน 7.3 ล้านบาท ล่าสุดวันนี้ เวลา 14.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ได้เรียกคณะทำงานเข้าประชุมวางแผนการทำงานในกรณีของทิดอาชว์และนางสาว ก. ซึ่งใช้เวลาประมาณกว่า 3 ชั่วโมง โดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ได้ออกมาเผยความคืบหน้าว่า วันนี้เป็นการเรียกประชุมกองงานต่าง ๆ เพื่อแบ่งสายงานมอบหมายภารกิจให้แต่ละกองไปสืบสวนสอบสวนหาข้อมูลมาเพิ่มเติม ภายหลังจากที่ทำการสอบสวนนางสาว ก. และได้ข้อมูลมามากพอสมควร […]

Cambodia strongly rejects Thailand’s baseless claim over Ta Krabei Temple

กัมพูชาโต้ไทยอ้างปราสาทตาควายอยู่ในไทย

พนมเปญ 7 ก.ค.- กัมพูชาคัดค้านอย่างหนักว่า ไทยอ้างโดยไร้มูลว่า ปราสาทตาควายอยู่ในดินแดนไทย และตำหนิไทยว่าห้ามชาวกัมพูชาคล้องผ้าขาวม้าขึ้นปราสาทตาควาย เว็บไซตขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า กระทรวงกลาโหมแห่งชาติของกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์แสดงความคัดค้านอย่างหนักต่อการกล่าวอ้างอย่างไร้มูลและโอหังของสื่อไทย เจ้าหน้าที่ทหารไทย และพลเรือนชาวไทยบางกลุ่มที่ว่า ปราสาทตาควายตั้งอยู่ในดินแดนอธิปไตยของไทย แถลงการณ์ของกัมพูชาระบุว่า การกล่างอ้างดังกล่าวเป็นการบิดเบือนความจริงอย่างสิ้นเชิง เพราะไทยอ้างแผนที่ฝ่ายเดียวที่ไม่มีคุณค่าทางกฎหมายตามหลักการกฎหมายสากล กัมพูชายืนยันว่า ในทางภูมิศาสตร์แล้วปราสาทตาควายตั้งอยู่ในเทือกเขาดงรัก อำเภอบันเตียอัมปึล จังหวัดอุดรเมียนเจยหรืออุดรมีชัย ซึ่งทั้งหมดอยู่ในดินแดนและอธิปไตยของกัมพูชา โดยเป็นไปตามกฎหมายที่ได้รับการรับรองจากสากล แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมกัมพูชายังระบุว่า ทหารไทยห้ามนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาคล้องผ้ากรอมาหรือผ้าขาวม้าติดธงชาติกัมพูชาขึ้นปราสาทตาควาย แต่กลับอนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวไทยสวมเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับติดธงชาติไทย ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงทวิภาคีที่เคยตกลงกันไว้.-814.-สำนักข่าวไทย