สภาทนายความ จ่อแจ้งความพ่อค้าไก่หมุนพรุ่งนี้

กรุงเทพฯ 5 ต.ค. – สภาทนายความแถลงข่าวกรณีพ่อค้าไก่หมุน ปลอมแปลงเอกสารแอบอ้างเป็นทนายความไปว่าความในศาลหลายคดี ระบุจากการตรวจสอบพบบุคคลดังกล่าวไม่เคยผ่านการฝึกอบรมวิชาว่าความของสภาทนายความ และไม่เคยมีใบอนุญาตทนายความมาก่อน เตรียมแจ้งความพรุ่งนี้ (6 ต.ค.)


ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ นายวีรศักดิ์ โชติวานิช อุปนายกฝ่ายเทคโนโลยีและสารสนเทศ และรองโฆษกสภาทนายความ และนายสุนทร พยัคฆ์ เลขาธิการและกรรมการประชาสัมพันธ์สภาทนายความ ร่วมกันแถลงข่าวถึงกรณีที่มีพ่อค้าไก่หมุน ทำการปลอมแปลงเอกสารแอบอ้างเป็นทนายความไปว่าความในศาลหลายคดี

ดร.วิเชียร กล่าวว่า เบื้องต้นสภาทนายความได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น ทราบว่าบุคคลดังกล่าว มีการปลอมใบอนุญาตทนายความ เนื่องจากเลขที่อนุญาตเป็นของบุคคลอื่น และเมื่อตรวจสอบรายชื่อก็พบว่า บุคคลดังกล่าวไม่เคยผ่านการฝึกอบรมวิชาว่าความของสภาทนายความ และไม่เคยมีใบอนุญาตทนายความมาก่อน ซึ่งเข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ทนายความ มีโทษทางอาญากำหนดชัดเจน และยังมีการปลอมแปลงใบอนุญาตทนายความ ซึ่งเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ จะมีความผิดเพิ่มเติมด้วย นอกจากนี้ยังมีการแอบอ้างโดยประชาสัมพันธ์ในสื่อต่างๆ ว่าเป็นทนายความ ให้คนหลงเชื่อ เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน ส่วนการไปดำเนินการว่าความในศาล สำนักงานศาลยุติธรรมก็มีกฎระเบียบ อาจเข้าข่ายการละเมิดอำนาจศาล ซึ่งตนได้มอบหมายให้นายทะเบียนสภาทนายความ ไปดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์บุคคลดังกล่าวที่พื้นที่เกิดเหตุ คือ สภ.เมืองกำแพงเพชร ในวันพรุ่งนี้ (6 ต.ค.) ส่วนทนายความที่ถูกสวมใบอนุญาตไป ก็ถือว่าเป็นผู้เสียหาย สามารถไปแจ้งความร้องทุกข์ได้เช่นกัน


ทั้งนี้ ในส่วนของคดีที่บุคคลดังกล่าว ได้มีการว่าความในชั้นศาลไปแล้วนั้น คดีที่มีคำพิพากษาสิ้นสุดไปแล้ว จะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ทางสภาทนายความไม่สามารถก้าวล่วง แต่คดีที่ยังอยู่ในชั้นพิจารณา การกระทำของบุคคลดังกล่าวที่แต่งตั้งเป็นทนายความเข้าไปโดยไม่มีใบอนุญาต เข้าข่ายผิดระเบียบ สามารถเพิกถอนและแต่งตั้งทนายความที่ถูกต้องเข้าไปแทนได้ ส่วนกระบวนพิจารณาที่ผ่านมาแล้ว ก็สามารถรื้อได้ใหม่ ซึ่งศาลอาจมีดุลพินิจเห็นเอง หรือคู่ความจะร้องต่อศาลก็ได้เช่นกัน

ด้านนายวีรศักดิ์ ได้อธิบายเพิ่มเติมถึงรายละเอียดของผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการกระทำของบุคคลดังกล่าว ว่ามีการไปละเมิดและต้องรับผิดในส่วนใดบ้าง โดยสรุปได้ทั้งหมด 4 ประเด็น ดังนี้

1.เข้าข่ายการกระทำความผิดมาตรา 33 ตาม พ.ร.บ.ทนายความ ที่กำหนดไว้ว่า ห้ามไม่ให้บุคคลที่ไม่ได้เป็นทนายความไปว่าความในศาล หากฝ่าฝืน มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


  1. เข้าข่ายการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานปลอมและใช้เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ปลอม เนื่องจากใบอนุญาตทนายความเป็นรูปแบบสมาร์ทการ์ดและปรากฏลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ การปลอมแปลงจึงมีความผิดตามมาตรา 269/1 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 100,000 บาท และการที่นำเอกสารที่ปลอมแปลงไปใช้ทั้งที่รู้ เป็นความผิดตามมาตรา 269/4 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 7 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งในกรณีที่เป็นผู่ปลอมแปลงด้วยและใช้บัตรที่ปลอมแปลงด้วย จะต้องรับโทษฐานใช้บัตรที่ปลอมแปลง เนื่องจากเป็นบทที่หนักกว่า

โดยในประเด็นที่ 1 และ 2 นี้ เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสภาทนายความ จึงได้ดำเนินการมอบหมาย เตรียมให้นายทะเบียนไปดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวแล้ว

3.พฤติกรรมดังกล่าว ยังเป็นการไปหลอกลวงทำให้ประชาชนเสียหาย เป็นลักษณะของการฉ้อโกง ซึ่งไม่ได้มีผู้เสียหายเพียงรายเดียว เพราะทำมาเป็นระยะเวลานานกว่า 1 ปี มีคนหลงเชื่อจำนวนมาก เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ซึ่งผู้เสียหายสามารถไปแจ้งความร้องทุกข์ในท้องที่เกิดเหตุได้ ขณะเดียวกัน สภาทนายความได้มีการสั่งการให้กรรมการสภาทนายความภาค 6 ดำเนินการตั้งโต๊ะรับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายที่ถูกบุคคลดังกล่าวแอบอ้างแล้ว ซึ่งจะช่วยเหลืออย่างไรบ้างนั้น จะพิจารณาเป็นกรณีไป

4.การเข้าไปดำเนินการในศาลเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาล ซึ่งประเด็นนี้สภาทนายความไม่ก้าวล่วง แต่ศาลก็มีมาตรการในการดำเนินการอยู่

ขณะที่นายสุนทร กล่าวเพิ่มเติมว่า พฤติกรรมของบุคคลดังกล่าว จะต้องถูกดำเนินคดีแบบต่างกรรมต่างวาระ จึงต้องไปดูว่า มีการดำเนินการในฐานะทนายความไปแล้วกี่ครั้ง แต่งตั้งเข้าไปเป็นทนายความแล้วกี่สำนวน ซึ่งอาจต้องรับโทษจำนวนมาก

ดร.วิเชียร ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ปกติแล้วในขั้นตอนยื่นสำนวนเข้าสู่กระบวนการชั้นศาล ศาลจะพิจารณาจากใบแต่งตั้งทนายความ และใบอนุญาตทนายความ ไม่ได้มีการตรวจสอบข้อมูลกลับมายังสภาทนายความ ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางสภาทนายความ ก็เตรียมที่จะพูดคุยร่วมกับศาล ในการดำเนินการวางระบบให้สามารถตรวจสอบข้อมูลระหว่างศาลและสภาทนายความได้ ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นอีก รวมถึงเตรียมที่จะวางระบบให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้ามาตรวจสอบใบอนุญาตทนายความได้อย่างสะดวกด้วย ซึ่งที่ผ่านมาจะใช้วิธีการให้โทรศัพท์เข้ามาสอบถามเท่านั้น. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

แม่คะนิ้งโผล่ภูกระดึง เตรียมเปิดอุทยานฯ พรุ่งนี้

จังหวัดเลย อุณหภูมิลดลง 1-2 องศาฯ “แม่คะนิ้ง” โผล่ภูกระดึง เตรียมเปิดให้ท่องเที่ยวพรุ่งนี้ (23 ธ.ค.) หลังปิดมา 9 วัน จากเหตุช้างป่า

อุตุฯ เผยไทยตอนบน อุณหภูมิขยับลงอีก 1-2 องศาฯ

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศหนาวเย็นกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลงอีก 1 – 2 องศาฯ ยอดดอยและยอดภูหนาวจัด มีน้ำค้างแข็งบางแห่ง

ยิงพรานล่าหมูป่า

เพื่อนรับเป็นคนยิงนายพรานวัย 52 อ้างคิดว่าเป็นหมูป่า

เพื่อนเปิดปากรับสารภาพเป็นคนใช้อาวุธปืนยิงนายพรานวัย 52 ปี เสียชีวิตในสวนผลไม้ อ้างคิดว่าเป็นหมูป่า ยืนยันไม่ได้มีปัญหาหรือมีเรื่องกันมาก่อน