สมุทรสงคราม 18 เม.ย. – มะพร้าวเป็นผลไม้ขึ้นชื่อของแม่กลอง ซึ่งวันนี้จะพาไปชิมน้ำตาลมะพร้าว ที่หวานมัน หอม กลมกล่อม ขายดี มีรายรับกว่าปีละ 3 ล้านบาท โดยมี บสย.ให้การสนับสนุนช่วยต่อยอดกิจการ
“เจ๊นุช” สาวแกร่งเมืองแม่กลอง ประกอบอาชีพมาสารพัด ทั้งค้าขายและเลี้ยงกุ้ง แต่ต้องประสบภาวะขาดทุน ติดหนี้ธนาคารเป็นล้านบาท จึงหันมาผลิตน้ำตาลมะพร้าว สืบสานภูมิปัญญาบรรพบุรุษ กลายเป็นเจ้าของ “เตาตาล น.แสงจันทร์” สร้างรายได้ปีละกว่า 3 ล้านบาท
แต่กว่าจะได้น้ำตาลมะพร้าวคุณภาพดี ต้องพิถีพิถันคัดสรรน้ำตาลสดจากจั่น หรือวงมะพร้าวที่มีอายุตั้งแต่ 45 วันขึ้นไป ที่นี่ใช้น้ำตาลสดถึงวันละ 260 ปี๊บ หรือประมาณ 7,800 กิโลกรัม เคี่ยวด้วยไฟอ่อน หมั่นช้อนฟอง ประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนยกลงจากเตาแล้วกวนจนน้ำตาลเริ่มจับตัวเป็นเนื้อครีมข้นและแข็งตัว น้ำตาลสด 1 ปี๊บ จะได้เนื้อน้ำตาลประมาณ 4 กิโลกรัม หลังจากนั้นหยอดลงแบบ ถ้าเทใส่ปี๊บ เรียกว่า “น้ำตาลปี๊บ” ถ้าเทใส่ถ้วยตะไลหรือพิมพ์ เรียกว่า “น้ำตาลปึก” ส่งขายตลาดทั่วประเทศ กิโลกรัมละ 27-29 บาท
แม้มีคู่แข่งหลายราย แต่ด้วยคุณภาพและรสชาติหวานมัน หอม กลมกล่อม ไม่เหมือนใคร ผสานกับความซื่อสัตย์ จริงใจ พร้อมบริการด้วยหัวใจ คือ กลยุทธ์เด็ดมัดใจลูกค้า ทำให้ธุรกิจขยายตัวอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่ปี
เมื่อยอดขายดี ต้องการเพิ่มกำลังการผลิตและขยายตลาด แต่หลักทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อไม่เพียงพอ จึงใช้บริการบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ผ่านโครงการ 1 ตำบล 1 SME เกษตร ของ ธ.ก.ส. เพื่อนำเงินทุนมาหมุนเวียนต่อยอดกิจการ
“เตาตาล น.แสงจันทร์” แตก 3 แบรนด์ย่อย เจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ตราลูกสมุทร ผลิตน้ำตาลมะพร้าวแท้ ส่งขายกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตราทิวลิป ผลิตน้ำตาลปี๊บและน้ำตาลรอง ส่งขายภาคกลางและภาคอีสาน และโชคพิสิทธิ์ ผลิตน้ำตาลกรวดหลากสีที่นิยมนำมาทำขนมหวานและของชำร่วย พร้อมเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับช่วยอนุรักษ์วิถีชีวิตท้องถิ่นชาวสมุทรสงคราม และสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้คนในชุมชนอีกทางหนึ่ง. – สำนักข่าวไทย