กรุงเทพฯ 17 เ ม.ย. – บล.KTBST มองตลาดหุ้นอาจผันผวนจากปัจจัยต่างประเทศ ส่วนเงินบาทแข็งค่าเล็กน้อยทิศทางเดียวกับภูมิภาค
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินทิศทางตลาดไทยวันนี้ (17 เม.ย.) ว่า ปัจจัยที่ตลาดจะให้ความสนใจช่วงนี้คือ ท่าทีหรือการตอบโต้ของสหรัฐและพันธมิตรต่อการทดลองขีปนาวุธของเกาหลีเหนือเมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา แม้จะล้มเหลวแต่เป็นการบ่งชี้ว่าผู้นำเกาหลีเหนือมีแนวโน้มที่จะยังไม่ดำเนินการตามที่สหรัฐร้องขอ คือ ยุติโครงการพัฒนานิวเคลียร์ ดังนั้น น่าจะเห็นความพยายามในการกดดันให้มีการเจรจานำโดยจีนเพื่อเข้าแก้ปัญหานี้ หากเกาหลีเหนือไม่ทำการใด ๆ ที่เป็นภัยคุมคาม ตลาดก็จะมีเพียงความคลุมเครือและถูกมองว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงตัวหนึ่ง แต่โอกาสที่จะมีการใช้กำลังทางทหารหรือโจมตีโดยฝ่ายของสหรัฐเวลานี้ยังไม่มาก
ขณะที่ตลาดหุ้นหลายแห่งหยุดเทศกาลอีสเตอร์ (ยกเว้นสหรัฐ) การซื้อขายนักลงทุนจึงรอคอยเรื่องการเลือกตั้งประธานาธิบดีของฝรั่งเศสที่ผลสำรวจของหลายสำนักผู้ที่มีคะแนนนำ 2 ลำดับแรกจะเป็น Emmanuel Macron และ Marine Le Pen ขณะที่ประเทศตุรกี ผลการลงประชามติเห็นชอบให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพื่อเปิดทางให้มีการใช้ระบบอำนาจของประธานาธิบดีแทนระบบรัฐสภาที่มีอยู่เดิมจะมีผลต่อตลาดหุ้นบ้าง ซึ่งตัวแปรเหล่านี้จะยังทำให้นักลงทุนต่างชะลอการลงทุน และเช้าวันนี้จีนจะมีการรายงานตัวเลขจีดีพีไตรมาสแรกปี 2560 ที่ตลาดประเมินว่าจะขยายตัวร้อยละ 6.8 เท่ากับไตรมาสที่ผ่านมา และจับตาดูการประชุมของคณะกรรมการ Monitoring Committee Meeting ตัวแทนผู้ผลิตน้ำมัน (OPEC+ Non-OPEC) เนื่องจากมีผลต่อ supply ของน้ำมันดิบโดยตรง
ทั้งนี้ ปัจจัยในประเทศ บล.KTBST ยังเชื่อว่าปัจจัยด้านเศรษฐกิจ คือ การขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยที่อยู่ในเกณฑ์ดี และมีการเก็งกำไรหุ้นเรื่องผลประกอบการไตรมาส 1 ที่จะเริ่มมีการนำส่งงบของกลุ่มธนาคารสัปดาห์นี้ และตัวอื่น ๆ ที่จะตามมา ทั้งนี้ KTBST คาดกำไรหุ้นกลุ่มธนาคารจะรายงานกำไรเติบโตร้อยละ 11.8
“ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้แม้จะคาดว่าอาจมีแรงซื้อกลับหลังผ่านช่วงวันหยุดยาวของไทย แต่สถานการณ์ของเกาหลีเหนือที่จะเป็นตัวถ่วงตลาด รวมทั้งตัวแปรอื่น เช่น เลือกตั้งฝรั่งเศส ทิศทางดอกเบี้ยและนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐ จึงคาดว่าดัชนีจะมีความผันผวนสูง” นายมงคล กล่าว
ด้านนักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบีไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 34.35 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากช่วงเย็นวันที่ 12 เมษายนปิดตลาดที่ระดับ 34.49 – 34.51 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และแนวโน้มทิศทางเงินบาทยังแข็งค่าเช่นเดียวกับค่าเงินสกุลอื่น ๆ ในภูมิภาค เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอย่างชัดเจน หลังจากนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ มองว่าเงินดอลลาร์อยู่ในระดับที่แข็งค่าเกินไป ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองโลกตึงเครียดมากขึ้นจากเหตุการณ์ที่สหรัฐทิ้งระเบิดโจมตีที่มั่นของกลุ่มไอเอสในอัฟกานิสถาน รวมทั้งเหตุการณ์ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี ส่งผลกดดันให้ดอลลาร์สหรัฐมีทิศทางที่อ่อนค่า.-สำนักข่าวไทย