ทำเนียบรัฐบาล 8 ก.ย.-“อนุทิน” เชื่อถ้าเสียงไม่ถึงครึ่งในสภา ส.ว.ไม่กล้าฝืนหนุนนายกฯ ยันไม่หวังเป็นนายกฯ ช่วงนี้ สนแค่ทำงานตามนโยบาย สร้างเชื่อมั่น ให้ประชาชนเลือกคราวหน้า
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย เสนอให้ตัดอำนาจสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี แต่ถูกตีตกไป ว่า พรรคทำตามหลักการของประชาธิปไตย และเคยพูดมาโดยตลอดตั้งแต่ปี 2562 ว่า นายกรัฐมนตรีต้องเลือกจากตัวแทนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่เมื่อเราไม่ได้เป็นคนร่างรัฐธรรมนูญ ก็ต้องมีหน้าที่เคารพตามกฏหมาย
ส่วนเมื่อร่างถูกตีตกไป เท่ากับว่า ส.ว.มีโอกาสจะเลือกนายกรัฐมนตรีต่อไป หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เรามัวไปเสียเวลากับสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ขอให้เดินไปข้างหน้า เพราะการเลือกตั้งครั้งหน้า ทุกคนแข่งขันเท่าเทียมกันหมด ต้องให้ประชาชนเลือกเข้ามา เชื่อว่าเมื่อถึงเวลานั้น สมาชิกวุฒิสภาต้องมีดุลพินิจในการเคารพเสียงของประชาชน ขอให้เกิดเหตุตรงนั้นก่อนแล้วค่อยว่ากัน
“ผมไม่เชื่อในเรื่องว่าจะมีนายกรัฐมนตรีที่จะมีเสียง ส.ส.โหวตไม่เกิน 375 ไม่ถึงกึ่งหนึ่งแล้วมาบวกกับเสียงสมาชิกวุฒิสภา ถ้าเป็นเช่นนั้นก็คงจะเป็นนายกรัฐมนตรีที่น่าสงสารที่สุดในโลก คงไม่มีใครกล้ารับตำแหน่ง ถึงอย่างไรก็ต้องเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ก่อนที่จะเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า การที่ภูมิใจไทยร่วมปิดสวิตช์ ส.ว. เป็นการส่งสัญญาณการเปลี่ยนผ่านอำนาจต่อไปนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นสายพลเรือนแล้ว หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เราต้องยึดถือหลักว่า คนที่เป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องมาจากคนที่ประชาชนเลือกมา จึงจะเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีประสิทธิภาพ เพราะจะมีประชาชนเป็นกำแพงคอยสนับสนุนตามหลักประชาธิปไตย
เมื่อถามว่า เชื่อมั่นว่า ส.ว.จะสนับสนุนคนที่ได้รับเสียงมากที่สุดในสภาหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ในทางทฤษฎีต้องเชื่ออย่างนั้น เพราะไม่ว่าจะเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือสภาผู้แทนราษฎร ก็กินเงินเดือนภาษีจากประชาชน
“รอให้เหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนดีกว่า แต่ถ้าเกิน 250 แล้ว ส.ว.ฝืนไปเลือกคนที่มีไม่ถึง 250 ก็ยืนยันว่านายกรัฐมนตรีคนนั้นจะเป็นนายกฯ ที่น่าสงสารมาก จะทำงานได้อย่างไร ผ่าน ส.ว.มาได้ แต่ ส.ว.ไม่สามารถประคองในสภาฯ และการบริหารราชการแผ่นดินต่อได้เปรียบเสมือนคนโยนไก่ให้จระเข้กิน” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าว
ส่วนกรณีเอกสารคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญที่อ้างว่าเป็นคำชี้แจงของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และทีมกฎหมายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่สามารถให้ความเห็นได้ เพราะไม่ทราบว่าเอกสารนั้นหลุดหรือไม่หลุด ทุกอย่างต้องรอคำพิพากษาของศาล
เมื่อถามย้ำว่า ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ 2 ปี หรือ 4 ปี พรรคภูมิใจไทยพร้อมอยู่เคียงข้าง พล.อ.ประยุทธ์ ใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยเดินหน้าเคียงคู่พี่น้องประชาชน เรื่องการนับวาระ 8 ปี ไม่เกี่ยวกับพรรคภูมิใจไทย พรรคภูมิใจไทยรู้เพียงว่า เดือนมีนาคม+ไปอีก 45 หรือไม่เกิน 60 วัน หรือยุบสภาแล้ว +ไปอีก 45 วัน จะมีการเลือกตั้ง ภูมิใจไทยคิดแค่นี้
“ผมหวังแค่มีโอกาสทำงานมากกว่าจะมาลุ้นเป็นนายกรัฐมนตรี สิ่งที่พรรคภูมิใจไทยทำเวลานี้ คือ การเตรียมความพร้อมด้านนโยบาย และค่อย ๆ นำออกมาเสนอประชาชนพิจารณาตัดสินใจ จะไม่มีปัญหากับใคร ยึดหลักการสิ่งที่ควร ยึดประชาธิปไตย การเป็นผู้แทนของประชาชน ทำงานในหน้าที่รัฐบาลนี้ให้ดีที่สุด ช่วยนายกรัฐมนตรีจัดประชุมเอเปคเดือนพฤศจิกายน ให้ประเทศไทยเกิดความสง่างาม เกิดความเชื่อมั่นกับต่างประเทศ หลังจากนั้นก็ไปเลือกตั้งกัน” นายอนุทิน กล่าว
ส่วนที่ว่าหลังจากเลือกตั้ง หากวาระนายกรัฐมนตรีอยู่เพียง 2 ปี พรรคภูมิใจไทยจะยังเคียงข้าง พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า อยู่ที่ผลของการเลือกตั้ง ภูมิใจไทยสนับสนุนทุกคนที่เข้ามาทำคุณงามความดีให้ประชาชน ประเทศชาติ ไม่ว่าจะเป็นตัวเองหรือใครก็ตาม อยู่ที่ผลของการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ได้ 2 ปี หรือ 4 ปี มีความแตกต่างหรือไม่ ต้องถาม พล.อ.ประยุทธ์ ในส่วนของภูมิใจไทย เราปฏิบัติตามกติกา
เมื่อถามย้ำว่า หากเป็นเช่นนั้นจริง พร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า 4 ปี เป็นเทอมของนายกรัฐมนตรี ที่ผ่านมามีนายกรัฐมนตรีหลายคนอยู่ได้เพียงแค่ 10 เดือน หรือ 11 เดือนก็มี ดังนั้น หาก พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ได้อีก 2 ปี ซึ่งไม่ทราบว่าศาลจะสั่งออกมาอย่างไร ก็อยู่ที่ว่า 2 ปีนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ในสังกัดพรรคไหน หากพรรคนั้นเข้ามาด้วย ส.ส.จำนวนมาก พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีสิทธิเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ
“แต่มาพูดตอนนี้ก็ไม่ใช่ของจริง เพราะของจริงคือการเลือกตั้ง ผลออกมาเมื่อไหร่ อะไรที่ว่าแน่ก็ไม่แน่ อะไรที่ว่าไม่แน่ มันก็เกิดขึ้นได้เยอะแยะ แต่สิ่งที่ต้องทำคือ ทำนโยบายให้ดีที่สุดให้ประชาชนไว้เนื้อเชื่อใจ เชื่อมั่นพรรคภูมิใจไทยคือพูดแล้วทำ ทำให้ประชาชนได้เห็นว่าภูมิใจไทยทำแบบนี้” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย.-สำนักข่าวไทย