กรุงเทพฯ 23 ส.ค. – ผู้ว่ากยท. ระบุ ราคายางพาราที่ปรับลดลงเป็นระยะสั้นๆ ตามกลไกตลาดเพราะความต้องการใช้ทั่วโลกลดลงและอีกหลายปัจจัย คาดปลายปีนี้ราคาจะปรับสูงขึ้นเนื่องจากโรงงานต่างๆ กลับมาซื้อยางเพื่อป้อนเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมการผลิต จ่อดึงบริษัทลูกร่วมเสริมทัพรักษาเสถียรภาพ สร้างมูลค่าเพิ่มยางพารา

นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวถึงสถานการณ์ยางพาราที่ปรับลดลงในช่วงนี้ว่า เป็นไปตามกลไกตลาดเนื่องจากช่วงนี้ความต้องการใช้ลดลง จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ประกอบกับภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นทั่วโลก แต่กยท. ได้เฝ้าระวังเรื่องนี้อยู่ตลอด โดยราคายางพารา แต่การปรับลดเป็นเพียงระยะสั้นๆ เท่านั้นเชื่อว่า ยางยังคงมีเสถียรภาพอยู่ โดยคาดว่า ช่วงปลายปีแนวโน้มราคายางจะปรับตัวดีขึ้นเพราะโรงงานต่างๆ กลับมาซื้อยางเพื่อป้อนเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมการผลิต
ส่วนการจัดตั้งบริษัทลูก กยท. เพื่อให้ร่วมเสริมการรักษาเสถียรภาพและสร้างมูลค่าเพิ่มยางพารา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ผ่านการพิจารณาเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติให้ดำเนินการต่อไป แต่ระหว่างนี้กยท. ดูแลการซื้อ-ขายยางผ่านหน่วยธุรกิจ (BU) เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพราคายางมาอย่างต่อเนื่อง โดยซื้อ-ขายยางทั้งในตลาดล่วงหน้าและตลาดซื้อขายจริง

นอกจากนี้ กยท. ยังดำเนินโครงการชะลอการขายยางของสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง เป็นยางก้อนถ้วยแห้ง ทำให้ยางที่เข้าร่วมโครงการจะได้ส่วนต่างในการขายยางเพิ่มมากขึ้น ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการผลผลิตของสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง รวมถึงยกระดับราคายางก้อนถ้วยแห้ง เพิ่มมูลค่า สร้างความมั่นคงเรื่องรายได้ ทำให้ยางมีเสถียรภาพมากขึ้น ในส่วนของการดำเนินงานภายใต้พระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2542 ที่ใช้ในการควบคุมและกำกับการประกอบธุรกิจที่เกี่ยวกับยางให้เป็นระบบ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยผู้ค้ายางจะทำรายงานบัญชีการซื้อยาง การจำหน่ายยางและปริมาณยางคงเหลือส่งให้กรมวิชาการเกษตรเป็นประจำทุกเดือน
นายณกรณ์กล่าวว่า กยท. ยังเตรียมมาตรการอื่นๆ อาทิ การตลาดเชิงรุก เน้นความต้องการผลิตภัณฑ์ยางรายสินค้าและรายประเทศคู่ค้า มาตรการระยะสั้นรายไตรมาส เพื่อบริหารจัดการยางพาราตามปฏิทินฤดูการผลิต โดยจะหารือกับเอกชน และภาคเกษตรกรร่วมกัน และการวิจัย พัฒนา นวัตกรรม เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางให้มีมูลค่าเพิ่ม เพื่อเพิ่มรายได้ ชาวสวนยาง สถาบันเกษตรกร และผู้ประกอบการตามนโยบายรัฐบาล.-สำนักข่าวไทย