สารคดีโลก : ประตูแห่งความหวังเพื่อคุณแม่

แอฟริกาใต้ 22 มี.ค.-แอฟริกาใต้หาทางออกและเป็นกำลังใจให้แก่คุณแม่ที่ไม่อาจเลี้ยงดูลูกด้วยตนเองอย่างไร ติดตามในสารคดีโลก


เสียงกริ่งสัญญาณเตือนธรรมดาๆ อาจทำให้อาสาสมัครที่เพิ่งมาทำงานใหม่ที่โบสถ์เบอเรีย แบ๊พ ติสต์ อดสะดุ้งด้วยความตกใจไม่ได้ แต่สำหรับผู้ดูแลโบสถ์แห่งนี้ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากนครโยฮันเนสเบิร์ก สัญญาณดังกล่าวคือเสียงคุ้นเคยที่บอกกล่าวให้รู้ว่ามีคุณแม่นิรนามอีกรายตัดสินใจนำลูกน้อยของตนมาทิ้งไว้ให้ดูแล และหาผู้อุปการะเลี้ยงดูต่อไป

เป็นเวลากว่า 17 ปีที่แล้วที่ทางโบสถ์ทำโครงการที่มีชื่อว่า ประตูแห่งความหวัง โดยมีบาทหลวงเชอร์ริล อัลเลน เป็นผู้ริเริ่ม ริชาร์ด อัลเลน ผู้บริหารโครงการ และเป็นทายาทของบาทหลวงเชอร์ริล บอกว่า กล่องที่วางทารกในปัจจุบันจะแตกต่างจากในอดีต เพราะได้พัฒนาให้ติดตั้งกล้องและระบบเซ็นเซอร์ไว้ ทำให้ทันทีที่มีคุณแม่นำทารกมาทิ้งไว้ ระบบเซ็นเซอร์จะส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่มารับเด็กทันที และขั้นตอนทั้งหมดจะไม่กระทบต่อตัวตนของคุณแม่ นั่นคือทางโบสถ์จะไม่มีทางรู้ได้ว่าทารกเป็นลูกของใครโดยเด็ดขาด


แต่ละปีมีทารกแรกเกิดกว่า 3,000 คน ถูกทิ้งไว้ตามถังขยะ ท่อระบายน้ำ หรือตามโรงพยาบาลในแอฟริกาใต้ และแม้จะมีประตูแห่งความหวังช่วยรับดูแล แต่ริชาร์ดบอกว่าสิ่งที่ท้าทายกว่าคือการหาครอบครัวอุปการะให้ทารก เพราะขณะนี้อัตราการรับอุปการะเด็กในแอฟริกาใต้ลดลงจนน่าตกใจ ข้อมูลจากกระทรวงพัฒนาสังคมแอฟริกาใต้พบว่ามีเด็กเพียง 1,165 คน ได้รับการอุปการะไปในปี 2558 ลดลงจากปีก่อนหน้าถึงร้อยละ 30 สวนทางกับอัตราทารกถูกทิ้งที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่มีทารกเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะโชคดีได้รับการอุปการะจากครอบครัวชาวต่างชาติ แต่ถึงจะยากลำบากเพียงใด อย่างน้อยโครงการนี้ก็นับเป็นประตูแห่งความหวังที่ช่วยซับน้ำตาของคุณแม่ชาวแอฟริกาใต้บางส่วนซึ่งจำเป็นต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากที่สุดในชีวิต.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย