นิวยอร์ก 12 พ.ย.- ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของสหรัฐปิดทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่เมื่อวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น ส่งท้ายสัปดาห์ที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2554 สวนทางกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่ร่วงหนักเพราะกลัวว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐจะดำเนินนโยบายที่ทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้น
ดาวโจนส์ปิดที่ 18,847.66 จุด เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ขณะที่ดัชนีแนสแด็กปิดที่ 5,237.11 จุด เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 หลังจากถูกเทขายหุ้นเทคโนโลยีเมื่อวันพฤหัสบดี ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,164.45 จุด ลดลงร้อยละ 0.1 เพราะภาคเชื้อเพลิงลดลงตามราคาน้ำมันดิบโลกที่ร่วงหนัก
ด้านตลาดหุ้นทั่วโลกที่ร่วงหนักเพราะกระแสตื่นตระหนกในช่วงต้นที่นายโดนัลด์ ทรัมป์จากพรรครีพับลิกันชนะนางฮิลลารี คลินตันจากพรรคเดโมแครตอย่างพลิกความคาดหมายของประชาคมโลก ได้กลับมาทะยานขึ้นในวันพุธและต่อเนื่องในวันพฤหัสบดี เนื่องจากนักลงทุนหวังว่านโยบายเป็นมิตรต่อภาคธุรกิจของทรัมป์จะกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐที่เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก แต่หลังจากนั้นตลาดหุ้นก็กลับมาร่วงใหม่เมื่อนึกถึงนโยบายที่เขาประกาศว่าจะยกเลิกข้อตกลงเขตการค้าเสรีหลายฉบับ จะเรียกเก็บภาษีอัตราสูงกับจีนและเม็กซิโก ขณะที่โครงการใช้จ่ายขนานใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจก็อาจทำให้อัตราเงินเฟ้อสหรัฐเพิ่มขึ้นถึงขั้นเป็นอันตรายต่อดอลลาร์สหรัฐและทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ นักวิเคราะห์ของซีเอ็มซีมาร์เก็ตเรียกปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เป็นทรัมป์ดัมป์ที่ตามด้วยทรัมป์จัมป์และกำลังจะเข้าสู่ทรัมป์สลัมป์ หรือแปลได้ว่า ตลาดร่วงเพราะทรัมป์ตามด้วยตลาดทะยานเพราะทรัมป์และกำลังจะเข้าสู่ตลาดตกต่ำเพราะทรัมป์.-สำนักข่าวไทย