ฮ่องกง 30 ธ.ค. – นางแคร์รี หล่ำ ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกงระบุวันนี้ว่า การที่ตำรวจฮ่องกงนำกำลังราว 200 นาย บุกตรวจค้นสำนักข่าวสแตนด์ นิวส์ที่สนับสนุนประชาธิปไตยและจับกุมพนักงาน 7 คนมีเป้าหมายเพื่อปราบปรามกิจกรรมยุยงปลุกปั่น โดยไม่ถือเป็นการคุกคามสื่อมวลชน ขณะที่พนักงาน 2 คนถูกตั้งข้อหาสมรู้ร่วมคิดเพื่อตีพิมพ์สื่อที่ยุยงปลุกปั่นแล้ว
นางหล่ำ กล่าวว่า การที่ตำรวจฮ่องกงบุกตรวจค้นสำนักข่าวสแตนด์ นิวส์เมื่อวันพุธไม่ถือเป็นการคุกคามเสรีภาพสื่อมวลชน เพราะสื่อมวลชนไม่ใช่การยุยงปลุกปั่น แต่กิจกรรมยุยงปลุกปั่นที่แฝงอยู่ในการรายงานข่าวเป็นสิ่งที่ให้อภัยไม่ได้ ขณะที่หัวหน้าสำนักข่าวสแตนด์ นิวส์ประจำกรุงลอนดอนของอังกฤษ เผยว่า ไม่สามารถเข้าเว็บไซต์สำนักข่าวสแตนด์ นิวส์ของฮ่องกงได้ในวันนี้
ในขณะเดียวกัน สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของฮ่องกงระบุในแถลงการณ์ล่าสุดว่า ได้ตั้งข้อหาพนักงานชาย 2 คน วัย 34 และ 52 ปี ในข้อหาสมรู้ร่วมคิดเพื่อตีพิมพ์สื่อที่ยุยงปลุกปั่น แต่ไม่ได้เปิดเผยชื่อของทั้งคู่ และได้ตั้งข้อเดียวกันกับสำนักข่าวออนไลน์ที่ทั้งสองคนทำงานอยู่โดยไม่ได้ระบุถึงชื่อสแตนด์ นิวส์ เช่นกัน ส่วนพนักงานรายอื่น ๆ ยังคงถูกควบคุมตัวเพื่อสอบปากคำต่อไป
กลุ่มสนับสนุนสื่อมวลชน รัฐบาลชาติตะวันตกบางประเทศ เช่น แคนาดาและเยอรมนี รวมถึงสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้ออกมาประณามการบุกตรวจค้นและจับกุมพนักงานของสแตนด์ นิวส์ ว่าเป็นสัญญาณของการคุกคามเสรีภาพสื่อมวลชนในฮ่องกง ส่วนนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ เรียกร้องให้รัฐบาลจีนและฮ่องกงปล่อยตัวพนักงานที่ถูกจับกุมในทันที ด้านกระทรวงต่างประเทศจีนประจำฮ่องกงระบุว่า การสนับสนุนเสรีภาพสื่อมวลชนมักถูกใช้เป็นข้ออ้างในการขัดขวางเสถียรภาพของฮ่องกง
ก่อนหน้านี้ ตำรวจฮ่องกงนำกำลังราว 200 นายบุกตรวจค้นสำนักงานของสแตนด์ นิวส์ สั่งอายัดทรัพย์สิน และจับกุมพนักงาน 7 คน ซึ่งมีบรรณาธิการอาวุโสทั้งในอดีตและปัจจุบันและอดีตกรรมการบริหาร ในข้อหาสมรู้ร่วมคิดเพื่อตีพิมพ์สื่อที่ยุยงปลุกปั่น โดยที่ทั้งหมดถูกควบคุมตัวไว้นานถึง 30 ชั่วโมงหลังถูกจับเพื่อรอการตั้งข้อหาหรือได้รับการปล่อยตัวอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ สแตนด์ นิวส์ ก่อตั้งขึ้นในปี 2557 ในฐานะสำนักข่าวที่ไม่แสวงหาผลกำไรและสนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง ได้ปิดตัวลงเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังเกิดเหตุตำรวจฮ่องกงบุกตรวจค้นสำนักงานและทำให้พนักงานทั้งหมดถูกเลิกจ้าง.-สำนักข่าวไทย