สหรัฐ 12 ม.ค.-สหรัฐยังเสี่ยงเกิดความวุ่นวายจากการประท้วงของผู้สนับสนุนนายโดนัลด์ ทรัมป์อีก เมื่อเอฟบีไอเตือนว่ามีความเคลื่อนไหวก่อประท้วงโดยใช้อาวุธในทั้ง 50 รัฐ วันอาทิตย์นี้
ขณะนี้พื้นที่ในกรุงวอชิงตันดีซี มีสภาพเงียบเหงา สถานที่สำคัญ เช่น อนุสรณ์สถานวอชิงตันถูกปิดไปจนถึงสัปดาห์หน้า เนื่องจากความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุร้ายขื้นอีก แม้ว่าจะผ่านเหตุการณ์จลาจลรัฐสภามาเกือบสัปดาห์แล้ว กลุ่มผู้สนับสนุนนายทรัมป์ ยังไม่ล้มเลิกความพยายามล้มผลการเลือกตั้ง สำนักงานสอบสวนกลาง หรือ เอฟบีไอ ได้ทำรายงานที่พบหลักฐานหลายอย่าง โดยเฉพาะการสื่อสารและข้อความออนไลน์ ที่กลุ่มหัวรุนแรงวางแผนนำอาวุธก่อประท้วงที่อาคารสภาของทั้ง 50 รัฐ และที่กรุงวอชิงตันดีซี ในวันอาทิตย์ที่ 17 นี้ นอกจากนั้นในวันที่ 20 ม.ค. ซึ่งจะมีพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ของ นายโจ ไบเดน และถือว่าเป็นการเปลี่ยนรัฐบาล จะรวมตัวประท้วงเช่นกัน เอฟบีไอได้พบข้อความที่เครือข่ายกลุ่มขวาจัดหัวรุนแรงซึ่งร่วมก่อจลาจลที่รัฐสภา เตรียมนำอาวุธออกมาประท้วง โดยจะบุกเข้าไปยังอาคารที่ทำการศาล หากนายทรัมป์ถูกปลดจากตำแหน่งด้วย
สำหรับพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของนายโจ ไบเดน ในวันที่ 20 มกราคม ซึ่งปกติจะมีผู้คนนับหมื่นนับแสนมาร่วม แต่ครั้งนี้นอกจากวิกฤติโควิด-19 นางมูรีเอล บาวเซอร์ นายกเทศมนตรี ยังเตือนถึงความเสี่ยงจากการก่อความรุนแรงซ้ำอีก จึงขอไม่ให้ประชาชนมาเข้าร่วม แล้วให้ติดตามพิธีทางการถ่ายทอดสดแทน ทางการยังได้เตรียมการอารักขานายไบเดน โดยห้ามการรวมตัวชุมนุมอย่างสิ้นเชิง ตลอดสัปดาห์หน้า เตรียมนำทหารอย่างน้อย 15,000 นาย มารักษาความปลอดภัยป้องกันกลุ่มก่อการร้ายภายในประเทศ
ขณะเดียวกันในการพยายามปลดนายทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง เมื่อวานนี้พรรคเดโมแครต ได้เดินหน้าสองแนวทางเพื่อปลดนายทรัมป์ คือ ยื่นญัตติเรียกร้องให้รองประธานาธิบดี และคณะรัฐมนตรี ใช้อำนาจตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญเพื่อปลดนายทรัมป์ และอีกวิธี คือ ในวันพรุ่งนี้ก็จะลงมติถอดถอน นายทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง ด้วยข้อหายุยงปลุกปั่นให้ก่อกบฏ แต่ขณะนี้ยังไม่แน่นอนว่า จะเดินหน้าไปได้มากน้อยขนาดไหน เพราะมีปัญหาข้อกฎหมายมากมายขณะที่เหลือเวลาอีกประมาณสัปดาห์เดียวที่นายทรัมป์อยู่ในตำแหน่ง.-สำนักข่าวไทย