นิวเดลี 22 เม.ย.- อินเดียสั่งระงับการตรวจหาสารภูมิต้านทานหรือแอนติบอดีของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เพราะกังวลเรื่องความแม่นยำ หลังจากได้ผลออกมาขัดแย้งกับการตรวจหาเชื้อ ขณะที่ยอดผู้ป่วยในอินเดียใกล้แตะ 20,000 คนแล้ว
อินเดียยังตามหลังหลายประเทศเรื่องการตรวจหาเชื้อ เพราะขาดแคลนชุดตรวจและบุคลากรทางการแพทย์ขาดแคลนชุดป้องกัน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจึงอนุมัติเมื่อต้นเดือนให้ตรวจเลือดเพื่อหาแอนติบอดีแทนเพราะเร็วกว่าและถูกกว่าการตรวจหาเชื้อ ในระหว่างที่รอชุดตรวจกว่า 500 ล้านชุดจากจีน อย่างไรก็ดี หัวหน้าแผนกระบาดวิทยา สภาวิจัยการแพทย์อินเดียขอให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระงับการตรวจหาแอนติบอดีไปอีกสองสามวันจนกว่าจะได้ข้อสรุป เพราะผลออกมาขัดแย้งกับการตรวจหาเชื้อ วิธีนี้เพิ่งพัฒนาขึ้นในช่วง 3 เดือนครึ่ง จึงถือว่ายังอยู่ในขั้นต้นและต้องปรับปรุงอีก รัฐบาลกลางได้สั่งระงับและส่งผู้เชี่ยวชาญไปช่วยรัฐบาลท้องถิ่นตรวจสอบความถูกต้องของการตรวจหาแอนติบอดีแล้ว
การตรวจพบแอนติบอดีบ่งชี้ว่าบุคคลนั้นเคยติดเชื้อแล้ว แต่ไม่สามารถพบการติดเชื้อแต่เนิ่น ๆ ได้เสมอไป ต่างจากการตรวจหาเชื้อด้วยการป้ายตัวอย่างสารคัดหลั่งในโพรงจมูกหรือลำคอ แล้วใช้เทคนิคปฏิกิริยาลูกโซ่พอลิเมอเรสแบบย้อนกลับ (RT-PCR) เพื่อสร้างสำเนาลำดับดีเอ็นเอไวรัสที่จะบอกได้ว่าบุคคลนั้นมีเชื้อไวรัสในเวลานั้นหรือไม่ รัฐมนตรีสาธารณสุขรัฐราชสถาน ทางตะวันตกของอินเดียเผยว่า การตรวจหาแอนติบอดีในผู้ป่วยบางรายได้ผลขัดแย้งกับการตรวจหาเชื้อ เพราะผลตรวจออกมาเป็นลบทั้งที่ผู้ป่วยมีเชื้อ ทำให้เกิดความไม่น่าเชื่อถือ อินเดียมีผู้ป่วยโควิด-19 แล้ว 19,984 คน เสียชีวิต 640 คน.- สำนักข่าวไทย