กรุงเทพฯ 27 เม.ย. – ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. คาดพรุ่งนี้ (28 เม.ย.) ลดทอนความสูงซากตึก สตง. ถึงชั้น 1 เร่งเปิดพื้นที่ชั้นใต้ดิน คาดเป็นจุดที่อาจพบผู้ติดค้างเพิ่มเติม
นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยความคืบหน้าการรื้อถอนซากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ว่าเมื่อวาน (26 เม.ย.) เจ้าหน้าที่พบผู้เสียชีวิต 1 ร่าง ในโซน D อยู่บริเวณชั้น 5 หรือ 6 และพบชิ้นส่วนอีก 5 เคส ขณะนี้อยู่ระหว่างรอนิติเวชยืนยันว่าจะเป็นร่างสมบูรณ์ 1 ร่างได้หรือไม่
ส่วนการขนย้ายซากคอนกรีตและเหล็กเส้นออกจากพื้นที่ ขณะนี้สามารถดำเนินการได้ คงเหลือความสูงประมาณ 2.57 เมตร ก็จะถึงพื้นชั้นที่ 1 ซึ่งการทำงานในขณะนี้มีอุปสรรคคือ พื้นคอนกรีตด้านล่างที่มีความสมบูรณ์ ทำให้ต้องใช้กำลังจากเครื่องจักรในการตัดเหล็กที่ผสานอยู่ในแผ่นปูนมากขึ้น โดยการแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่จะใช้รถแบ็กโฮหัวเจาะกระแทกเข้ามาดำเนินการ และวันพรุ่งนี้ (28 เม.ย.) จะเพิ่มจำนวนรถชนิดนี้เข้ามาเพิ่มเติมอีก 2 คัน ขณะเดียวกันจะมีการเปลี่ยนรถที่ใช้ในลักษณะหัวตักมาเป็นหัวเจาะกระแทกแทน ส่วนการตัดเหล็ก เจ้าหน้าที่จะเพิ่มกำลังคนในการดำเนินการควบคู่ไปด้วย โดยกำลังทหารจะเข้าดำเนินการตัดเหล็กที่บริเวณโซน B
วันพรุ่งนี้จะครบรอบ 1 เดือน ที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงดำเนินการอย่างเต็มที่ และหากสามารถทำได้ตามแผนนี้เชื่อว่าในวันพรุ่งนี้จะสามารถลดทอนความสูงของสร้างอาคารลงมาถึงชั้น 1 ได้สำเร็จ โดยเมื่อ (26 เม.ย.) เจ้าหน้าที่สามารถเปิดพื้นที่ด้านหน้าของโซน A และ B ได้ และหลังจากนี้จะมีการเร่งเปิดพื้นที่โซน C ให้เป็นรูปตัวยู เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าดำเนินการทั้งบริเวณด้านหน้าและด้านข้างได้ควบคู่กัน
สำหรับการทำงานเมื่อวานที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พบหลุมโดยรอบโครงสร้างอาคารที่พังถล่ม เจ้าหน้าที่จึงนำรถแบ็กโฮมาขุดหลุม ส่วนโพรงที่พบขณะนี้พบเป็นโพรงที่เชื่อมระหว่างอาคารจอดรถกับตัวอาคารที่พังถล่มลงมา ไม่ใช่โพรงชั้นใต้ดิน โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาหลังได้เข้าไปสังเกตการณ์ร่วมกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พบว่าซากอาคารส่วนใหญ่ถล่มลงมากองรวมกันบริเวณชั้นใต้ดิน ตรงกลางของซากอาคารลงมาจากชั้น 1 ซึ่งขณะนี้พบมีความสูงกว่า 4 เมตร โดยจุดนี้คาดว่าจะเป็นจุดที่อาจจะพบร่างผู้ติดค้างเพิ่มเติม
ขณะเดียวกันผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ยังยอมรับว่าการเปิดการจราจรด้านหน้าจุดเกิดเหตุค่อนข้างส่งผลกระทบต่อการทำงาน แต่เจ้าหน้าที่ได้มีการปรับวิธีโดยการเพิ่มรอบการขนย้ายซากอาคารในช่วงเวลากลางคืนแทน ขณะที่ยอดรวมผู้ประสบภัย ล่าสุดพบมีผู้เสียชีวิต 62 คน สูญหาย 32 คน บาดเจ็บ 9 คน.-420-สำนักข่าวไทย