เจนีวา 31 มี.ค.- เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลกย้ำคำแนะนำเดิมเรื่องประชาชนไม่ควรสวมหน้ากากอนามัยหากไม่ป่วยเป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 หรือเป็นผู้ดูแล เพราะควรให้ผู้ทำงานแนวหน้าได้ใช้มากกว่า
ดร.ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการบริหารโครงการเหตุฉุกเฉินทางสุขภาพขององค์การอนามัยโลกแถลงที่นครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า ไม่มีหลักฐานชี้ชัดเจนว่าการที่ประชาชนทั่วไปสวมหน้ากากอนามัยเป็นประโยชน์ แต่มีหลักฐานบางอย่างชี้ว่าการสวมหน้ากากอนามัยอย่างไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสมจะให้ผลตรงกันข้าม นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องทั่วโลกขาดแคลนหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ทางการแพทย์ กลุ่มคนที่เสี่ยงมากที่สุดจากไวรัสคือบุคลากรทางการแพทย์แนวหน้าที่ต้องสัมผัสไวรัสทุกวินาทีในทุกวัน หากไม่มีหน้ากากอนามัยจะน่ากลัวมากเพียงใด
ด้าน ดร.มาเรีย ฟาน เคอร์คอฟ นักระบาดวิทยาด้านโรคติดเชื้อขององค์การอนามัยโลกกล่าวในการแถลงเดียวกันว่า การใช้หน้ากากอนามัยจำเป็นต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับผู้ที่ต้องใช้มากที่สุด ซึ่งคือบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานแนวหน้า องค์การอนามัยโลกไม่แนะนำให้คนในชุมชนสวมหน้ากากอนามัย หากไม่ใช่ผู้ป่วยโควิด-19 ที่จะต้องป้องกันการแพร่เชื้อให้ผู้อื่น แต่แนะนำให้สวมสำหรับผู้ป่วยที่อยู่บ้านและผู้ดูแล ดร.ฟาน เคอร์คอฟเคยเตือนเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า แพทย์ทั่วโลกกำลังขาดแคลนชุดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลหรือพีพีอี (PPE) อย่างยิ่ง ทั้งหน้ากากอนามัย ถุงมือ เสื้อคลุม และกระบังป้องกันใบหน้าหรือเฟซชิลด์
องค์การอนามัยโลกเตือนเรื่องนี้ขณะที่ยอดผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วโลกเพิ่มเป็น 771,104 คน เสียชีวิต 36,944 คน และรับการรักษาหายแล้ว 158,883 คน.- สำนักข่าวไทย