17 มี.ค. – สถานการณ์โควิด-19 ระบาดทั่วโลก ยังไม่มีทีท่าผ่อนคลาย โดยเฉพาะในยุโรป เยอรมนีและอังกฤษ ประกาศเข้มงวดมาตรการต่อสู้ไวรัสโควิด 19 อย่างเต็มที่ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสประกาศปิดประเทศสู้กับไวรัสมรณะเหมือนกำลังอยู่ในภาวะสงคราม
ประธานาธิบดีเอมานูว์เอล มาครง ของฝรั่งเศส ประกาศปิดประเทศต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 เตือนประชาชนให้ตระหนักว่าเสมือนกำลังอยู่ในภาวะสงคราม ซึ่งเป็นมาตรการที่คล้ายคลึงกับในอิตาลีและสเปนที่ไวรัสระบาดรุนแรงที่สุดในยุโรป โดยจะปิดพรมแดนทั้งหมดตั้งแต่วันอังคารนี้เป็นต้นไป
นายเจอโรม ซาโลมอน รัฐมนตรีสาธารณสุขฝรั่งเศส ระบุว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ขณะนี้ฝรั่งเศสมีผู้ป่วยกว่า 6,000 คน เสียชีวิตแล้ว 148 คน
ส่วนที่เยอรมนี นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล สั่งปิดร้านค้าทั้งหมด ยกเว้นร้านชำ และห้ามประกอบพิธีกรรมทางศาสนาใด ๆ ที่เป็นการรวมกลุ่มของผู้คน เตือนประชาชนให้อยู่แต่ในบ้านและยกเลิกการเดินทางทั้งในประเทศและต่างประเทศในช่วงวันหยุดโดยสิ้นเชิง ในขณะที่สถานศึกษาทั่วประเทศได้ปิดทำการโดยพร้อมเพรียงแล้ว โดยย้ำว่ามาตรการปิดสถานศึกษา ร้านกาแฟ และร้านค้าที่ไม่จำเป็น ยังไม่เพียงพอในการต่อสู้กับโควิด-19 สำหรับเยอรมนีมีผู้ป่วยไวรัสโควิด 19 เกือบ 7,000 คน เสียชีวิตไปแล้ว 14 คน
ในอังกฤษ นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน แม้จะยังไม่ใช้มาตรการปิดสถานบันเทิง แต่ได้วิงวอนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการไปมั่วสุมในสถานบันเทิง รวมทั้งหลีกเลี่ยงการพบปะผู้คนหรือเดินทางไปยังที่ต่างๆ โดยไม่จำเป็น
ผลของการเพิ่มความเข้มงวดในมาตรการต่างๆ ของแต่ละประเทศนั้น มาจากการที่นายเทดรอส อัดฮานอม เกรเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ออกมาติงว่ารัฐบาลหลายประเทศยังไม่ทุ่มเทการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคควิด-19 อย่างเพียงพอ และย้ำให้ทุกชาติเข้มงวดการตรวจสอบหาผู้ติดเชื้ออย่างเต็มที่ ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกขณะนี้มีกว่า 174,000 คน เสียชีวิตกว่า 6,700 คน
ส่วนสเปนได้ปิดพรมแดนทุกด้านตั้งแต่เที่ยงคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา และให้เฉพาะชาวสเปนและผู้ที่อาศัยอยู่ในสเปนโดยถาวรเท่านั้นผ่านเข้าประเทศได้ ส่วนที่อิตาลีซึ่งเป็นชาติที่มีการระบาดรุนแรงที่สุดรองจากจีน ขณะนี้มีผู้ป่วยแล้วกว่า 20,000 คน ตายกว่า 1,800 คน นายกรัฐมนตรีจูเซปเป คอนเต กล่าวว่า พิษภัยจากการแพร่ระบาดนับว่ารุนแรงมาก และว่าหลังจากการแพร่ระบาดยุติลงแล้วอิตาลีคงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว องค์การอนามัยโลกออกมาบอกว่า ยุโรปกลายเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไปแล้ว และแนะนำให้ใช้มาตรการต่อสู้การแพร่ระบาดตามอย่างจีน และเกาหลีใต้ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าประสบผลสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดได้
ด้านสหรัฐ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งห้ามประชาชนรวมกลุ่มเกิน 10 คน และหลีกเลี่ยงการไปทานอาหารตามภัตตาคารต่างๆ อย่างน้อย 15 วัน และเตือนว่าประเทศกำลังทำสงครามกับศัตรูที่มองไม่เห็น คาดว่าพิษสงของไวรัสโควิด-19 จะคงอยู่ไปตลอดฤดูร้อนนี้
ส่วนในอาเซียน มาเลเซียกลายเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 553 คนแล้ว หลังพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 เพิ่มขึ้น 125 คน ในวันจันทร์เพียงวันเดียว ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่กว่า 2 ใน 3 เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับงานชุมนุมทางศาสนาที่จัดขึ้นที่มิสยิดแห่งหนึ่งในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์-1 มีนาคม มีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 16,000 คน เป็นชาวมาเลเซีย 14,500 คน สถานการณ์การแพร่ระบาดส่งผลให้ชาวมาเลเซียจำนวนมากเริ่มออกมากักตุนสินค้า
ล่าสุด นายกรัฐมนตรีมูห์ยิดดิน ยาสซิน แถลงมาตรการคุมเข้มด้วยการจะปิดพรมแดนไม่ต้อนรับนักเดินทางจากต่างชาติ และห้ามพลเมืองออกนอกประเทศ จำกัดความเคลื่อนไหวภายในประเทศ ระงับการเรียนการสอนตามโรงเรียนและมหาวิทยาลัยต่างๆ และสั่งให้ภาคธุรกิจทั้งหมดปิดทำการ เบื้องต้นจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม. – สำนักข่าวไทย