ไอเอ็มเอฟชี้การว่างงานทำให้หลายประเทศอาหรับเกิดเหตุไม่สงบ

ดูไบ 28 ต.ค.- กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ (IMF) ชี้ว่า อัตราว่างงานสูงและภาวะเศรษฐกิจไม่เติบโตเป็นปัจจัยกระตุ้นให้หลายประเทศอาหรับเกิดความตึงเครียดทางสังคมและประชาชนชุมนุมประท้วง


รายงานแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือของไอเอ็มเอฟที่เผยแพร่วันนี้ระบุว่า เหตุไม่สงบที่เกิดจากอัตราว่างงานสูงและเศรษฐกิจไม่เติบโตได้ย้อนกลับมาทำให้เศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ยิ่งชะลอการเติบโตลงไปอีก นอกเหนือจากความตึงเครียดของการค้าโลก ราคาน้ำมันผันผวน และกระบวนการที่สหราชอาณาจักรจะออกจากสหภาพยุโรปหรือเบร็กซิทไม่เป็นไปตามกำหนด ก่อนหน้านี้ในเดือนเดียวกันไอเอ็มเอฟได้ปรับลดประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้ลงเหลือร้อยละ 0.1 จากร้อยละ 1.1 เมื่อปีก่อน โดยได้ลดแนวโน้มของเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดสามประเทศคือ ซาอุดีอาระเบีย อิหร่านและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือยูเออี (UAE) เพราะปัจจัยโลกเป็นหลัก 

ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟประจำตะวันออกกลางและเอเชียกลางกล่าวว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ต่ำกว่าระดับที่จำเป็นต่อการแก้ไขปัญหาว่างงาน อัตราว่างงานของคนหนุ่มสาวเกินร้อยละ 25-30 แล้ว เศรษฐกิจต้องโตกว่านี้ร้อยละ 1-2 จึงจะแก้ปัญหาได้ ขณะที่อัตราว่างงานเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 11 เทียบกับร้อยละ 7 ในประเทศกำลังพัฒนาและตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่อื่น ๆ รัฐบาลในภูมิภาคนี้จะต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วและจริงจังในการแก้ไขความไม่สมดุลต่าง ๆ และกอบกู้ความเชื่อมั่นกลับคืนด้วยการแก้ไขฐานะการเงินและลดค่าใช้จ่าย ปัจจุบันหลายประเทศอาหรับมีหนี้สาธารณะสูงมาก เฉลี่ยแล้วเกินร้อยละ 85 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี (GDP) ภาระหนี้ที่สะสมมาหลายปีเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนที่มีความสำคัญต่ออนาคตเศรษฐกิจในระยะยาว 


หลายประเทศอาหรับเกิดการประท้วงขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2553 หลายแห่งบานปลายกลายเป็นสงครามกลางเมืองเช่น ซีเรีย เยเมน ลิเบีย ล่าสุดเกิดการประท้วงขึ้นในแอลจีเรีย ซูดาน อิรัก และเลบานอน ส่วนใหญ่เป็นการเรียกร้องให้ปฏิรูปเศรษฐกิจและกวาดล้างการทุจริต รายงานไอเอ็มเอฟกล่าวถึงอิหร่านว่า เศรษฐกิจอาจจะหดตัวถึงร้อยละ 9.5 ในปีนี้ หลังจากหดตัวร้อยละ 4.8 เมื่อปีก่อน ทางการอิหร่านจะต้องปรับอัตราแลกเปลี่ยนให้ใกล้เคียงกับอัตราตลาด ปฏิรูปภาคการเงิน และหาทางแก้ไขอัตราเงินเฟ้อที่สูงมาก เอเอฟพีระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐทำให้อิหร่านส่งออกน้ำมันดิบได้เพียงวันละ 500,000 บาร์เรล จากที่เคยส่งออกมากกว่าวันละ 2 ล้านบาร์เรล.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผ่าไชน่า เรลเวย์ คว้า 3 โครงการรัฐในภูเก็ต

เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม กลายเป็นปฐมบทในการปูพรมตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ หลังพบเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. และโครงการรัฐหลายแห่งทั่วประเทศ ล่าสุดที่ จ.ภูเก็ต ตรวจพบ 3 โครงการ และหนึ่งในนั้นกำลังมีปัญหาก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน

มหาสงครามโลก

นักวิชาการชี้ “มหาสงครามโลกครั้งที่ 3” เกิดแน่ถ้าโลกยังตึงเครียด

นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศระดับแนวหน้าของไทย มีความเห็นตรงกันว่า หากผู้นำชาติมหาอำนาจไม่เร่งลดระดับความตึงเครียดสถานการณ์โลก

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว หลังอยู่ปฏิบัติภารกิจค้นหา-กู้ชีพ สนับสนุนกู้ภัยไทย เหตุตึก สตง.ถล่ม กว่า 1 สัปดาห์

ธรรมชาติใต้ดินเปลี่ยนไป หลังแผ่นดินไหว 1 สัปดาห์

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ แม้บนพื้นผิวดินจะไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่พบความเปลี่ยนแปลงสภาพใต้ดินจนเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งหลุมยุบขนาดใหญ่ น้ำพุร้อนที่เคยพุ่งจากใต้ดินหายไป แต่น้ำตกที่แห้งในหน้าแล้งกลับมีน้ำไหลออกมา ซึ่งนักธรณีวิทยายืนยันเป็นผลพวงจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

ข่าวแนะนำ

“ไฮโซกำมะลอ” กระโดดชั้น 3 สน.โคกคราม

“ไฮโซเก๊” โลก 2 ใบ เครียดปีนตึก หลังถูก “คะน้า” ดาราสาว ออกมาแฉกลางรายการดัง จนตำรวจต้องเข้าเกลี้ยกล่อมพาไปโรงพัก แต่ยังวิ่งหนีการควบคุม กระโดดลงมาจากชั้น 3 สน.โครกคราม บาดเจ็บ

วันที่ 11 ปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. ถล่ม

วันที่ 11 ของปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. พังถล่ม เจ้าหน้าที่เดินหน้าใช้เครื่องจักรหนักเข้า เคลียร์ซากต่อเนื่อง โดยเฉพาะโซนบี และซี ที่คาดว่าเป็นจุดที่มีผู้ติดค้างอยู่จำนวนมาก

ชุดค้นหาลงโพรงโซน B, C ลึก 5-6 เมตร ได้กลิ่นแรง ไม่พบผู้สูญหาย

“กู้ภัย” เผยเจาะโพรงพื้นที่โซน B และ C ได้แล้ว พร้อมส่งชุดค้นหาลงโพรงไปตรวจสอบลึก 5-6 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่ม แต่ได้กลิ่นแรง เร่งเดินหน้าเครื่องจักรหนักเคลียร์ซากต่อเนื่อง ยันจะช่วยเหลือจนกว่านำร่างสุดท้ายออกมาครบ