วอชิงตัน 25 มิ.ย.- รักษาการผู้อำนวยการศุลกากรและปกป้องพรมแดนสหรัฐยื่นหนังสือลาออกหลังรับตำแหน่งได้ไม่กี่เดือน ด้านสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐผ่านงบฉุกเฉินบรรเทาปัญหาคนเข้าเมืองบริเวณพรมแดนเม็กซิโกที่เพิ่มขึ้นจนกระทบเด็ก ๆ ที่ถูกกักตัวไว้
สำนักงานศุลกากรและปกป้องพรมแดนสหรัฐแจ้งว่า นายจอห์น แซนเดอร์สซึ่งดำรงตำแหน่งรักษาการมาตั้งแต่เดือนเมษายนยื่นหนังสือลาออกมีผลวันที่ 5 กรกฎาคม ส.ส.เบนนี ทอมป์สัน ประธานคณะกรรมการความมั่นคงมาตุภูมิในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐชี้ว่า การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แต่งตั้งนายแซนเดอร์สดำรงตำแหน่งรักษาการมีแต่ทำให้สถานการณ์ที่หน่วยงานนี้แย่ลง เพราะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงที่ว่านโยบายคนเข้าเมืองที่โหดร้ายและน่ารังเกียจของรัฐบาลเป็นความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
ขณะเดียวกันสภาผู้แทนราษฎรที่มีพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากลงมติ 230 ต่อ 195 ผ่านความเห็นชอบงบประมาณฉุกเฉิน 4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 138,818 ล้านบาท) เพื่อจัดสรรความช่วยเหลือเรื่องการหาที่พัก อาหาร การขนส่งและการดูแลครอบครัวชาวอเมริกากลางที่เดินทางมาขอลี้ภัยในสหรัฐมากเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ดี งบประมาณนี้ยังมีความไม่แน่นอนเนื่องจากประธานาธิบดีทรัมป์เคยขู่ว่าจะใช้สิทธิยับยั้ง ประกอบกับวุฒิสภาที่มีพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากกำลังจัดทำร่างฉบับวุฒิสภาอยู่
กลุ่มทนายความร้องเรียนเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า เด็กเข้าเมืองกว่า 300 คน ที่ด่านตระเวนชายแดนหนึ่งในรัฐเทกซัสอาศัยอยู่อย่างแออัด เด็กหลายคนถูกกักตัวนานหลายสัปดาห์ในสภาพที่ขาดแคลนอาหารและน้ำ เจ้าหน้าที่สำนักงานศุลกากรและปกป้องพรมแดนชี้แจงว่า เด็กส่วนใหญ่ถูกย้ายไปที่อื่นแล้ว แต่มีเด็ก 100 คนถูกส่งตัวกลับมาที่ด่านแห่งนี้ เจ้าหน้าที่ยอมรับว่า ทางสำนักงานเองไม่อยากกักตัวเด็กไว้เพราะสภาพของด่านไม่เหมาะที่จะให้เด็กอาศัย และว่านับตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคมจนถึงขณะนี้ ได้ปล่อยครอบครัวผู้เข้าเมืองแล้ว 9,600 ครอบครัว แต่ยังถูกกักอยู่อีกหลายพันครอบครัว เฉพาะเดือนพฤษภาคมเดือนเดียว สหรัฐกักคนเข้าเมืองที่ชายแดนทางตะวันตกเฉียงใต้มากถึง 132,887 คน เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 30 จากเดือนเมษายน และลบสถิติที่เคยสูงสุดเมื่อเดือนมีนาคม 2549.- สำนักข่าวไทย