23 พ.ค.-น้ำตาซึม! ทีมแพทย์-พยาบาล ร่วมอาลัย ส่งเด็กหญิงเข้าห้องผ่าตัดครั้งสุดท้าย ก่อนนำอวัยวะบริจาคช่วยอีก 3 ชีวิต
นับเป็นช่วงเวลาที่แสนเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด สำหรับพ่อแม่ชาวอเมริกันคู่หนึ่งที่ต้องเผชิญความจริงว่า ลูกสาวตัวน้อยที่เป็นเหมือนดวงใจของพวกเขากำลังจะจากไป เมื่ออาการเจ็บป่วยของเธอดำเนินมาถึงจุดที่เด็กน้อยอยู่ในภาวะสมองตาย ไร้หนทางรักษา แต่แม้จะเจ็บปวดเพียงไร พอล กับ เมแกน โซโบลิก ก็ตัดสินใจที่จะไม่ให้การจากไปของลูกน้อยเสียเปล่า ขอส่งต่อดวงไฟแห่งชีวิตของลูกสาว สู่ผู้ป่วยอีก 3 คน ที่กำลังเฝ้ารอการปลูกถ่ายอวัยวะ
เมื่อวานนี้ เว็บไซต์มิเรอร์ รายงานว่า คอราลีน โซโบลิก เด็กหญิงวัย 1 ขวบ 9 เดือน ถูกพ่อกับแม่พามาส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน หลังป่วยหนักจากการได้รับเชื้อไวรัสพาราอินฟลูเอนซา (Parainfluenza) จนเกิดปัญหากับระบบทางเดินหายใจ ในตอนที่เด็กหญิงมาถึงแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาล แพทย์ก็พบว่าเด็กน้อยเริ่มหายใจติดขัดแล้ว พวกเขาต้องทำ CPR เพื่อกู้ชีพ เป็นเวลานานถึง 25 นาที ก่อนจะทำการตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อน ซึ่งผลคลื่นหัวใจออกมาดี ทว่าการตรวจซีทีสแกนกลับเผยให้เห็นว่า สมองของเด็กน้อยได้รับความเสียหาย ระหว่างที่แพทย์พยายามช่วยชีวิตคอราลีน หัวใจของเธอหยุดเต้นไปถึง 3 ครั้ง แม้แพทย์ยังมีความหวังว่าเธออาจจะฟื้นขึ้นมาได้ แต่ก็ไม่มีใครรู้ได้เลยว่าสภาพของเด็กน้อยจะเป็นเช่นไร กระทั่งตกดึกวันนั้นเอง สมองของเธอก็เริ่มบวม และผลการตรวจก็เผยให้เห็นว่าเธออยู่ในภาวะสมองตาย ถือเป็นข่าวร้ายของพ่อแม่อย่างมาก พวกเขาปวดร้าวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูก แต่หลังการตัดสินใจที่ทำได้ยากยิ่ง พอลกับเมแกนก็ยินดีบริจาคอวัยวะของลูกสาวเพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยอีก 3 คนที่กำลังต้องการ
ท่ามกลางความโศกเศร้า ภาพแห่งความตื้นตันใจก็เกิดขึ้น เมื่อทีมแพทย์และพยาบาลพร้อมใจกันมาร่วมยืนส่งเด็กหญิงตลอดทางเดินที่นำไปสู่ห้องผ่าตัด โดยบอกว่าขอส่งคอราลีนในการเดินทางครั้งสุดท้าย เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้เสียสละตัวน้อย ระหว่างที่เตียงของเธอถูกเข็นผ่านทางเดินไปสู่ปลายทางอย่างช้า ๆ ก่อนจะเข้าห้องผ่าตัด เมแกนและพอลซึ่งไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้ ก้มลงจูบแก้มลูกสาวเป็นครั้งสุดท้าย ในบรรยากาศแสนเศร้าสลด โดยผู้เป็นแม่ยังได้บอกลูกสาวของเธอว่า… แม่จะรักลูกตลอดไป ลูกคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตแม่ ลูกจะได้ช่วยชีวิตคนถึง 3 คน “แม่รักลูกเสมอ…ตลอดไป”
ทั้งนี้ หัวใจของคอราลีนจะถูกส่งมอบให้แก่เด็กชายวัย 1 ขวบ ส่วนตับจะถูกส่งต่อแก่เด็กหญิงวัย 1 ขวบ ขณะที่ไตของเธอจะถูกปลูกถ่ายแก่หญิงวัย 41 ปี นับเป็นการส่งต่อชีวิตสู่บุคคลอีก 3 คนให้ได้หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมาน ซึ่งเมแกนก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เรื่องของลูกสาวของเธอจะมอบแรงบันดาลใจแก่ผู้คนมากมาย ให้หวนคิดถึงเรื่องการบริจาคอวัยวะ ที่ไม่เพียงแต่จะเป็นการส่งต่อมรดกแห่งชีวิตของผู้จากไป แต่ยังเป็นการต่อลมหายใจแก่คนอื่น ๆ อีกมากมายด้วย นอกจากนี้ เมแกนยังยินดีเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้รู้ว่าเรื่องราวของลูกสาวได้กลายมาเป็นภาพที่สร้างความตื้นตันและสะเทือนใจแก่ผู้คนจำนวนมาก เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้เธอได้รู้ว่าลูกสาวของเธอจะยังคงมีชีวิตอยู่ในความทรงจำของผู้คนมากมายต่อจากนี้.-สำนักข่าวไทย