วอชิงตัน 19 พ.ค.- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศตัวว่า เป็นผู้สนับสนุนตัวยงต่อสิทธิในการมีชีวิตของตัวอ่อนในครรภ์ (Pro-Life) แต่ก็ควรยกเว้นในกรณีที่สตรีถูกข่มขืนหรือเป็นการตั้งครรภ์ที่ไม่เหมาะสม หลังจากหลายรัฐในสหรัฐผ่านกฎหมายใหม่เข้มงวดเรื่องการทำแท้ง
ประธานาธิบดีทรัมป์ทวีตจุดยืนเรื่องการทำแท้งที่คาดว่าจะเป็นประเด็นร้อนในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2020 หลังจากผู้ว่าการรัฐแอละแบมาลงนามร่างกฎหมายเรื่องการทำแท้งที่เข้มงวดที่สุดในประเทศเมื่อไม่กี่วันก่อน ห้ามการทำแท้งแทบทั้งหมดแม้แต่กรณีที่ถูกข่มขืนหรือไม่เหมาะสม ประธานาธิบดีทรัมป์ทวีตว่า คนส่วนใหญ่รู้ดีว่าเขาเป็นผู้สนับสนุนตัวยงเรื่องสิทธิในการมีชีวิตของตัวอ่อนในครรภ์ แต่มีข้อยกเว้นสามกรณีคือ ผู้ตั้งครรภ์ถูกข่มขืน เป็นการตั้งครรภ์ที่ไม่เหมาะสม และเพื่อปกป้องชีวิตมารดา เป็นจุดยืนเดียวกับประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ที่ใช้อำนาจบริหารประกาศให้แนวทางของคลีนิกทำแท้งที่จำกัดการทำแท้งอย่างเสรีเป็นสิ่งถูกกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีรัฐมิสซูรีที่ห้ามทำแท้งเมื่ออายุครรภ์ 8 สัปดาห์ รัฐจอร์เจีย รัฐมิสซิสซิปปี รัฐเคนทักกี รัฐไอโอวา และรัฐนอร์ทดาโกตาที่ห้ามทำแท้งหากตรวจพบชีพจรของตัวอ่อนในครรภ์
ประธานาธิบดีทรัมป์ซึ่งหย่ามาแล้ว 2 ครั้ง ได้คะแนนจากกลุ่มอีแวนเจลิสในการเลือกตั้งปี 2559 เพราะการหาเสียงรับปากว่าจะแต่งตั้งผู้พิพากษาต่อต้านการทำแท้งเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา เขาแต่งตั้งผู้พิพากษาสายอนุรักษ์นิยมสองคนทำให้คณะผู้พิพากษาศาลฎีกา 9 คน เอนเอียงไปทางอนุรักษ์นิยม กลุ่มอีแวนเจลิสที่คัดด้านการทำแท้งหวังว่าศาลฎีกาชุดปัจจุบันจะเปลี่ยนคำชี้ขาดของศาลฎีกาปี 2516 ที่ให้สตรีมีสิทธิทำแท้งได้ในช่วงสองไตรมาสแรกหรืออายุครรภ์ราว 24 สัปดาห์ หากเห็นว่าตัวอ่อนในครรภ์จะไม่รอด.-สำนักข่าวไทย