ซิดนีย์ 20 มี.ค.- ออสเตรเลียจะรับคนเข้าเมืองในแต่ละปีลดลงร้อยละ 15 และจะห้ามผู้เข้าเมืองรายใหม่อาศัยในเมืองใหญ่เป็นเวลาสามปี หวังลดความแออัดในเขตเมือง
นายกรัฐมนตรีสกอตต์ แฮร์ริสันของออสเตรเลียที่กำลังมีคะแนนนิยมไม่ดีก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนพฤษภาคม ประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายคนเข้าเมืองว่า จะรับผู้เข้าเมืองปีละ 160,000 คน ลดลงจาก 190,000 คนในปัจจุบัน ครอบคลุมผู้เข้าเมืองสูงสุด 23,000 คน ที่จะได้ย้ายเข้ามาตามโครงการให้วีซ่าใหม่แก่ผู้มีทักษะด้วย ผู้เข้าเมืองจะได้สิทธิพำนักถาวรในออสเตรเลียต่อเมื่ออาศัยอยู่นอกเมืองใหญ่เป็นเวลาสามปี ด้านนายเดวิด โคลแมน รัฐมนตรีคนเข้าเมืองเสริมว่า เมืองใหญ่ดังกล่าวได้แก่ เมลเบิร์น เพิร์ธ ซิดนีย์ และโกลด์โคสต์ เพราะสาธารณูปโภคในเขตเมืองถูกใช้งานมากจนเกินไป ผู้เข้าเมืองที่จะยื่นขอสิทธิพำนักถาวรในอนาคตจะต้องมีเอกสารยืนยันสถานที่ทำงานและอยู่อาศัย เพื่อประกอบการพิจารณา
นายกรัฐมนตรีมอร์ริสันกล่าวกับสื่อหลังประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาในชีวิตจริงที่ชาวออสเตรเลียต้องการแก้ไข เขารู้สึกหงุดหงิดที่มีคนนำเรื่องประชากรและคนเข้าเมืองมาบิดเบือนเพื่อฉวยประโยชน์ในเรื่องอื่น รอยเตอร์ระบุว่า นายมอร์ริสันชูเรื่องนี้หวังได้เสียงผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่พอใจเรื่องราคาที่พักอาศัยแพงและแออัด หลายคนระบุว่าเป็นเพราะจำนวนคนเพิ่มขึ้น ประกอบกับเพิ่งเกิดเหตุชายออสเตรเลียต้องสงสัยเป็นพวกเชิดชูผิวขาวยิงมัสยิดสองแห่งในเมืองไครสต์เชิร์ชของนิวซีแลนด์ มีผู้เสียชีวิต 50 คน.- สำนักข่าวไทย