จาการ์ตา 6 ธ.ค. – รัฐบาลอินโดนีเซียออกคำสั่งระงับการแปรสภาพป่าพรุให้เป็นพื้นที่เพาะปลูกในความพยายามป้องกันการเกิดไฟป่าและลดการปล่อยคาร์บอน
เมื่อไม่นานมานี้ ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซียออกคำสั่งแก้กฎระเบียบระงับการทำพื้นที่เพาะปลูกให้ครอบคลุมพื้นที่ป่าพรุ รวมถึงสั่งให้บริษัทต่างๆฟื้นฟูป่าที่ถูกทำให้อยู่ในสภาพเสื่อมโทรม การถางป่าพรุของบริษัทเพาะปลูก บริษัทเยื่อกระดาษ และบริษัทเหมืองแร่ถูกระบุว่าเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ป่าเขตร้อนในอินโดนีเซียถูกทำลาย ส่งผลให้ปัญหาไฟป่าที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีเลวร้ายยิ่งขึ้น โดยมีการปลดปล่อยคาร์บอนจำนวนมหาศาลที่ถูกกักเก็บอยู่บริเวณป่าพรุ
ผู้เชี่ยวชาญด้านป่าไม้จากสถาบันทรัพยากรโลก (ดับเบิลยูอาร์ไอ) กล่าวว่า การสั่งระงับการทำพื้นที่เพาะปลูกมีความสำคัญอย่างมากในการปกป้องภูมิภาคปาปัวซึ่งเป็นพื้นที่ป่าไม้แห่งสุดท้ายที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์ โดยในทางปฏิบัติ กฎที่ได้รับการแก้ไขจะส่งผลให้บริษัทไม่สามารถขยายพื้นที่ใช้สอยในป่าพรุได้ แม้จะได้รับสัมปทานจากภาครัฐแล้วก็ตาม อีกทั้ง ต้องเริ่มกระบวนการฟื้นฟูป่าที่ถูกทำลายด้วย ดับเบิลยูอาร์ไอประเมินว่า อินโดนีเซียจะสามารถลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนลงได้ 7.8 กิกะตันในอีก 15 ปี ซึ่งเท่ากับปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสหรัฐใน 1 ปี.-สำนักข่าวไทย