นิวยอร์ก 3 ต.ค.- หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ในสหรัฐเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้เงินไม่ต่ำกว่า 413 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 13,352 ล้านบาท) จากนายเฟรดเดอริก ไครสต์ ทรัมป์ ผู้เป็นบิดาในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นเงินที่ได้จากการเลี่ยงภาษี แย้งกับที่เขามักอ้างว่าสร้างตัวด้วยเงินที่กู้จากบิดา 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 32.32 ล้านบาท) เมื่อปี 2518
นิวยอร์กไทมส์ตีพิมพ์รายงานเชิงสอบสวนความยาว 15,000 คำ โดยอ้างว่า อ้างอิงตามเอกสารการเงินหนากว่า 100,000 หนา ซึ่งมีหนังสือยื่นภาษีของบริษัทบิดาและบริษัททรัมป์รวมอยู่ด้วยว่า ครอบครัวนี้เลี่ยงการจ่ายภาษีของขวัญและมรดกที่ผู้เป็นบิดายกให้แก่ลูก 4 คนด้วยการตั้งบรรษัทกำมะลอในชื่อลูกในปี 2535 ทำหน้าที่จัดซื้อของให้บริษัทของบิดา ซึ่งจะจ่ายเงินด้วยการบวกราคาเข้าไปร้อยละ 20-50 และก่อนที่ทรัมป์ผู้พ่อจะเสียชีวิตในปี 2542 เขาได้ยกอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดให้แก่ลูกทั้งสี่คนโดยแจ้งมูลค่าทรัพย์สินในการยื่นภาษีไว้ที่ 41.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,338 ล้านบาท) นิวยอร์กไทมส์ระบุว่า เป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าความเป็นจริงมากเพราะหากขายสมบัติทั้งหมดในอีก 10 ปีต่อมาจะมีราคาถึง 16 เท่า เชื่อว่ามรดกที่ทรัมป์ผู้พ่อและภรรยายกให้ลูก ๆ น่าจะมีมูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 32,327ล้านบาท) ซึ่งจะต้องเสียภาษีไม่ต่ำกว่า 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 17,783 ล้านบาท) เทียบจากอัตราภาษีของขวัญและมรดกในเวลานั้นที่ร้อยละ 55 แต่ทรัมป์และพี่น้องสามคนเสียภาษีเพียง 52.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,687 ล้านบาท) หรือร้อยละ 5 เท่านั้น
ทนายความของประธานาธิบดีทรัมป์โต้ว่า ไม่มีการเลี่ยงภาษีหรือโกงภาษี สิ่งที่นิวยอร์กไทมส์อ้างไม่ถูกต้องอย่างร้ายแรง ขณะที่ทำเนียบขาวระบุว่า นิวยอร์กไทมส์ที่ไร้ความน่าเชื่อถือให้ร้ายสร้างความใจผิดต่อครอบครัวประธานาธิบดี หนังสือพิมพ์ฉบับนี้และสื่ออื่น ๆ ไม่ได้รับความเชื่อถือจากประชาชนเพราะหมกมุ่นแต่จะให้ร้ายประธานาธิบดีและครอบครัวตลอดเวลา แทนที่จะรายงานข่าว ด้านสำนักงานสรรพากรรัฐนิวยอร์กเผยว่า กำลังพิจารณาข้อกล่าวหาของนิวยอร์กไทมส์และดำเนินการสอบสวนตามความเหมาะสม.- สำนักข่าวไทย