TNA News-Now-Next: ทำไมแผ่นดินไหวเมียนมามีผู้เสียชีวิตมาก

เนปยีดอ 2 เม.ย. – จากการประเมินอัตโนมัติของสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐ หรือ ยูเอสจีเอส (USGS) ระบุว่า แผ่นดินไหวระดับตื้นขนาด 7.7 ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองสะกาย ในภาคกลางของเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ทำให้เกิดการเตือนภัยระดับสีแดง จากจำนวนผู้เสียชีวิตและความเสียหายทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเกิดจากเหตุแผ่นดินไหว ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดพุ่งเข้าใกล้ 3,000 รายแล้ว แต่เชื่อว่าจำนวนผู้เสียชีวิตที่แท้จริงจะเพิ่มสูงกว่านี้อีกมาก


การวิเคราะห์ของยูเอสจีเอสระบุว่า มีโอกาสร้อยละ 35 ที่จำนวนผู้เสียชีวิตอาจอยู่ในช่วง 10,000-100,000 คน ขณะที่พบความเสียหายเป็นวงกว้าง เนื่องจากศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ใกล้กับเมืองมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่อันดับสองในภาคกลางของเมียนมา ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่กว่า 1.7 ล้านคน นั่นแปลว่า ความเสียหายทางเศรษฐกิจ อาจสูงถึงหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเกินกว่าขนาดผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี ของเมียนมา

ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานที่อ่อนแอ ทำให้ความพยายามในการกู้ภัยและบรรเทาทุกข์ในเมียนมา ประเทศที่อยู่อย่างโดดเดี่ยว จากการเป็นรัฐบาลทหาร เป็นไปอย่างยากลำบาก ขณะที่ระบบกู้ภัยและการรักษาพยาบาล ก็ได้รับผลกระทบจากสงครามกลางเมืองที่เกิดจากการรัฐประหารในปี 2021 มานานกว่า 4 ปีแล้ว


รอยเลื่อนที่อันตราย
บิล แม็กไกว ศาสตราจารย์กิตติคุณด้านธรณีฟิสิกส์และภัยพิบัติด้านสภาพอากาศจากยูนิเวอร์ซิตี คอลเลจ ลอนดอน (University College London) หรือ ยูซีแอล (UCL) กล่าวว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้อาจเป็นแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดของเมียนมาในรอบเกือบศตวรรษ และเกิดอาฟเตอร์ช็อก หรือ แรงสั้นสะเทือนหลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.7 ขึ้น ไม่กี่นาทีหลังจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งแรก และเตือนว่า “อาจเกิดแผ่นดินไหวมากกว่านี้”

ขณะที่ รีเบคกา เบลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยาจากอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน (Imperial College London) หรือ ไอซีแอล (ICL) ระบุว่า นี่คือรอยเลื่อนแบบ ’ชนข้าง’ ของรอยเลื่อนสะกาย เป็นจุดที่แผ่นเปลือกโลกอินเดียทางทิศตะวันตกมาบรรจบกับแผ่นซุนดา พื้นที่ส่วนใหญ่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นรอยเลื่อนที่มีขนาดและการเคลื่อนที่คล้ายคลึงกับรอยเลื่อนซานแอนเดรียส ในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐ

รอยเลื่อนสะกายมีความยาวมากถึง 1,200 กิโลเมตร และตรงมาก จึงอาจทำให้เกิดแผ่นดินไหวได้เป็นบริเวณกว้าง ยิ่งรอยเลื่อนเคลื่อนตัวมากเท่าใด แผ่นดินไหวก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นรอบนี้ จึงสร้างความเสียหายได้มากเป็นพิเศษ เนื่องจากแผ่นดินไหวเกิดขึ้นในระดับที่ตื้น พลังงานแผ่นดินไหวจึงลดลงเพียงเล็กน้อย ก่อนไปถึงพื้นที่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่ด้านบน เกิดเป็นแรงสั่นสะเทือนที่พื้นผิวมาก


ตึกสูงในมัณฑะเลย์เพิ่มขึ้น ทำให้มีตึกถล่มมาก
เอียน วาคินสัน จากภาควิชาธรณีวิทยา มหาวิทยาลัยรอยัล ฮอลโลเวย์ (Royal Holloway) แห่งลอนดอน กล่าวว่า สิ่งที่เปลี่ยนไปในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาคือ อาคารสูงที่สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กที่เพิ่มขึ้น ทำให้เสี่ยงที่จะพังถล่มจากแรงสั่นสะเทือนของแผ่นเดินไหว ขณะที่เมียนมาได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งมาหลายปี และการบังคับใช้เรื่องกฎการออกแบบและการก่อสร้างอาคารก็ไม่เข้มงวดนัก

เหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 7.0 ขึ้นไป ที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ในบริเวณรอยเลื่อนสะกาย เป็นช่วงที่เมียนมายังไม่มีการพัฒนามากนัก บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างส่วนใหญ่เป็นอาคารโครงไม้เตี้ย ๆ และศาสนสถานที่สร้างด้วยอิฐ เมื่อเกิดแผ่นดินไหวจึงไม่สร้างความเสียหายร้ายแรงมาก

แผ่นดินไหวในครั้งนี้ถือเป็นการทดสอบโครงสร้างพื้นฐานของเมียนมายุคใหม่ครั้งแรก เมื่อเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ ที่มีจุดศูนย์กลางไม่ลึก และเกิดใกล้กับเมืองใหญ่ที่มีตึกสูงสร้างใหม่จำนวนมาก รัฐบาลเมียนมาต้องตระหนักว่า พวกเขามีหน้าที่รับผิดชอบในการกำหนดกฎเกณฑ์การวางแผนและกฎหมายการก่อสร้าง แต่ภัยพิบัติครั้งนี้ เผยให้เห็นสิ่งที่รัฐบาลเมียนมาล้มเหลวในการดำเนินการตั้งแต่ก่อนเกิดแผ่นดินไหว ซึ่งหากทำได้ก็จะสามารถช่วยชีวิตผู้คนได้มากกว่านี้

กรุงเทพฯ อยู่ไกล ทำไมตึกถล่ม
คริสเตียน มาลากา-ชูกีไตป์ จากแผนกวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อมของไอซีแอล (ICL) กล่าวว่า พื้นดินในกรุงเทพมหานคร มีส่วนทำให้เกิดความเสียหายที่รุนแรง แม้ว่าจะอยู่ห่างจากศูนย์กลางแผ่นดินไหวในเมียนมาถึง 1,000 กิโลเมตรก็ตาม แม้ว่ากรุงเทพฯ จะอยู่ห่างจากรอยเลื่อนที่ยังเคลื่อนตัวอยู่มาก แต่ดินที่อ่อนตัวของกรุงเทพฯ ก็ทำให้แรงสั่นสะเทือนรุนแรงขึ้น สิ่งนี้ส่งผลกระทบต่ออาคารสูงโดยเฉพาะเมื่อเกิดแผ่นดินไหวในระยะไกล ขณะเดียวกัน เทคนิคการก่อสร้างในกรุงเทพฯ ที่เน้นใช้ ‘แผ่นพื้นเรียบ’ ซึ่งพื้นจะยึดด้วยเสาเท่านั้น ไม่ใช้คานเสริม เช่น โต๊ะที่มีขารองเท่านั้น ถือเป็นการออกแบบที่มีปัญหา จากการวิเคราะห์วิดีโอเบื้องต้นของอาคารที่ถล่มในกรุงเทพฯ ชี้ให้เห็นว่ามีการใช้เทคนิคการก่อสร้างประเภทนี้

โรแบร์โต เจนติล ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบบจำลองความเสี่ยงจากภัยพิบัติจากยูซีแอล (UCL) กล่าวว่า การที่อาคารสูงในกรุงเทพฯ พังทลายลงมาอย่างรุนแรง หมายความว่า อาคารสูงอื่นๆ ในตัวเมืองอาจต้องได้รับการประเมินอย่างละเอียดถี่ถ้วนเช่นกัน

แผ่นดินไหวเกิดขึ้นทุกวัน วันละหลายครั้ง
กรมอุตุนิยมวิทยาของไทย รายงานว่าเกิดสั่นสะเทือนหลังแผ่นดินไหว หรืออาฟเตอร์ช็อค แทบจะเป็นรายชั่วโมงหลังจากแผ่นดินไหวใหญ่ขนาด 7.7 ส่วนใหญ่เป็นแผ่นดินไหวขนาดเล็ก ความรุนแรงไม่เกิน 6.0 รวมถึงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (31 มี.ค.) ที่เกิดแรงสั่นสะเทือนผลพวงจากแผ่นดินไหวในเมียนมา จนผู้คนตามอาคารสูงในกรุงเทพฯ จำนวนมากพากันแตกตื่นวิ่งหนีตายลงจากอาคาร

หลายคนอาจจะรู้สึกว่า ทำไมแผ่นดินไหวเกิดบ่อยเหลือเกิน แต่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การเกิดขึ้นของแรงสั่นสะเทือนหลังแผ่นดินไหว หรืออาฟเตอร์ช็อค ในหลายพื้นที่ พบได้เป็นประจำทุกวัน มาจำเป็นต้องตื่นตระหนกหรือตกใจมากไป

หากดูข้อมูลจากสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐ ซึ่งเกาะติดและรายงานเหตุแผ่นดินไหวทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง ก็จะพบว่าเมื่อวันที่ 31 มีนาคม เกิดแผ่นดินไหวมากถึง 48 ครั้งในช่วง 1 วันที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ความรุนแรงไม่เกิน 6.0 จะมีเพียงแผ่นดินไหวที่ตองกา ขนาด 7.0 เท่านั้นที่มีความรุนแรงมาก และอาฟเตอร์ช็อคขนาด 6.2 ที่เกิดตามมา

ศูนย์ข้อมูลแผ่นดินไหวแห่งชาติ หรือ เอ็นอีไอซี (NEIC) ระบุ จุดเกิดแผ่นดินไหวทั่วโลกประมาณ 20,000 ครั้งต่อปี เฉลี่ยประมาณวันละ 55 ครั้ง แม้จะพบการเกิดแผ่นดินไหวเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ก็ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีอุปกรณ์ตรวจจับแผ่นดินไหวที่แม่นยำมากขึ้น อีกทั้งเทคโนโลยีที่ทำให้เราทุกคนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้มากขึ้น และกว้างไกลขึ้น ทำให้เรารู้สึกว่า เกิดเหตุภัยพิบัติบ่อยครั้งขึ้น

นอกจากแผ่นดินไหวทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นเป็นปกติแล้ว อีโคโนมิก ไทมส์ (Economic Times) รายงานว่า ยังมีแผ่นดินไหวที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การทำเหมือง การสร้างเขื่อน การขุดเจาะใช้น้ำใต้ดิน รวมถึงการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ สิ่งเหล่านี้ก็อาจไปกระตุ้นให้เกิดแผ่นดินไหวได้เช่นกัน ดังนั้น ความถี่ในการเกิดแผ่นดินไหว ไม่ใช่สิ่งที่ต้องกังวล

ตามรายงานของ ยูเอสจีเอส (USGS) แผ่นดินไหวเกิดถี่ขึ้น หรือลดลงชั่วคราว ถือเป็นส่วนหนึ่งของความผันผวนตามปกติของอัตราการเกิดแผ่นดินไหว การที่แผ่นดินไหวเกิดทั่วโลกไม่ได้บ่งชี้ว่าแผ่นดินไหวขนาดใหญ่จะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ยูเอสจีเอส (USGS) ระบุว่า ตรวจพบการเกิดแผ่นดินไหวมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไม่ใช่เพราะแผ่นดินไหวเกิดขึ้นมากขึ้นจริง ๆ แต่เพราะมีเครื่องมือตรวจวัดแผ่นดินไหวมากขึ้น และสามารถบันทึกแผ่นดินไหวได้มากขึ้น

ข้อมูลจาก ยูเอสจีเอส (USGS) ที่เก็บข้อมูลมาเกือบ 100 ปี ระบุว่า มีแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ ขนาด 7.0 ขึ้นไป เกิดขึ้นทั่วโลกเฉลี่ยปีละประมาณ 16 ครั้ง ค่าเฉลี่ยนี้ประกอบด้วยแผ่นดินไหวขนาด 7.0 ประมาณ 15 ครั้ง และแผ่นดินไหวขนาด 8.0 ขึ้นไป 1 ครั้ง โดยแผ่นดินไหวที่เมียนมารุนแรงถึงขนาด 7.7 ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก

โลกร้อนทำแผ่นดินไหวเกิดถี่ขึ้นหรือไม่
การวิจัยพบว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ พอจะมีอิทธิพลต่อความถี่ในการเกิดแผ่นดินไหวในบางภูมิภาค ผลการศึกษาล่าสุดโดยนักธรณีวิทยา จากมหาวิทยาลัยโคโลราโดในสหรัฐฯ ที่ได้ศึกษาเทือกเขา ซังเกร เดอ คริสโต (Sangre de Cristo) ทางตอนใต้ของรัฐโคโลราโด ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีรอยเลื่อนที่ยังไม่สงบ พบหลักฐานที่ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างขนาดของธารน้ำแข็งที่เล็กลง และการเคลื่อนไหวของรอยเลื่อนที่เพิ่มขึ้น

ผลการศึกษาชี้ว่า ในช่วงปลายยุคน้ำแข็ง น้ำหนักของธารน้ำแข็งที่เพิ่มขึ้นไปกดการเคลื่อนไหวบริเวณรอยเลื่อน แต่เมื่อธารน้ำแข็งเหล่านั้นละลายและหดเล็กลง น้ำหนักของธารน้ำแข็งที่เคยหนักและกดรอยเลื่อนเอาไว้ก็ค่อย ๆ คลายลง ทำให้รอยเลื่อนมีการเคลื่อนไหวมากขึ้น และมีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวมากขึ้น

นั่นหมายความว่า หากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศมีความรุนแรงขึ้น ทำให้ธารน้ำแข็งละลายมากขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นอะแลสกา เทือกเขาหิมาลัย และเทือกเขาแอลป์ รวมถึงพื้นที่ที่ติดกับแผ่นธารน้ำแข็งเหล่านี้ ก็อาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดแผ่นดินไหวมากขึ้น จากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วบริเวณรอยแตกของโลก.-815 – สำนักข่าวไทย

อ้างอิง
https://www.yahoo.com/news/scientists-explain-why-myanmar-quake-073634147.html
https://economictimes.indiatimes.com/news/international/global-trends/myanmar-thailand-earthquake-are-quakes-becoming-too-frequent/articleshow/119699880.cms?from=mdr

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนฟ้าคะนอง

กทม. 15 มิ.ย.-กรมอุตุฯ รายงานไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ส่วนเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” มีศูนย์กลางอยู่บริเวณมณฑลกว่างซี ประเทศจีน ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางไว้ด้วย พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06.00 น. วันนี้ ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง […]

แฟนนางงามแห่ต้อนรับ “โอปอล” กลับไทยสุดอบอุ่น

กรุงเทพฯ 14 มิ.ย. – แฟนนางงามแห่รับ “โอปอล สุชาดา” Miss World 2025 กลับไทยสุดอบอุ่น ก่อนขึ้นรถแห่ฉลองทั่วกรุง “โอปอล” สุชาตา ช่วงศรี มิสเวิลด์ 2025 เดินทางกลับถึงไทย ด้วยเที่ยวบิน TG603 ร่วมงาน ‘Home Coming 72nd Miss World 2025’ ท่ามกลางการต้อนรับสุดอบอุ่นจากแฟนนางงามแน่นสนามบินสุวรรณภูมิ โอปอล กล่าวขอบคุณคนไทย และบอกว่ามงกุฎนี้เป็นของพวกเราทุกคน ตั้งเป้าใช้ตำแหน่งเพื่อช่วยเหลือสังคม หลังจบพิธี โอปอลขึ้นรถโรลส์-รอยซ์เปิดประทุน โบกธงชาติไทย มุ่งหน้าท้องฟ้าจำลอง ร่วมขบวนแห่ฉลองชัยมิสเวิลด์คนแรกของประเทสไทยอย่างสมเกียรติ บรรยากาศที่ท้องฟ้าจำลองมีประชาชนมารอต้อนรับโอปอล บรรดาแฟนนางงามต่างแสดงสัญลักษณ์ด้วยการใส่ชุดสีฟ้า บางคนมีการทำมงกุฎ Miss World มาใส่ และทันทีที่รถของโอปอลเลี้ยวเข้ามายังท้องฟ้าจำลอง มีการโห่ร้องต้อนรับอย่างอบอุ่น ส่วนแรงบันดาลใจในการทำรถขบวนแห่ของ Miss World 2025 นี้ นายธีรฉัตร อินถา ผู้ออกแบบขบวน ระบุว่า ได้มีการนำวัฒนธรรมผสมผสานระหว่างสากลและวัฒนธรรมไทย […]

ประชุม JBC วันแรกเป็นไปด้วยดี สองฝ่ายหารือตรงไปตรงมา

14 มิ.ย.- โฆษก กต. เผยการประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก สำหรับการประชุมจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา หรือ JBC ครั้งที่ 6 ว่าตั้งแต่เมื่อเช้า หลังจากคณะผู้แทนไทยฯ ที่นำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ ได้รับรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เรียกประชุมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้เรียกประชุมและรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อจะได้มีข้อสั่งการ นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุมเริ่มจากที่พบหารือระหว่างสองประธานไทย-กัมพูชา กลุ่มเล็ก จากนั้นได้เริ่มการประชุม JBC เต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นทางเทคนิค ที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของ JBC เช่นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสำรวจภูมิประเทศ ขณะนี้การประชุมก็ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งช่วงบ่ายก็จะเป็นการหารือตามระเบียบวาระที่วางไว้ เช่นการพูดคุยด้านเทคนิค และคาดว่าจะมีการประชุมไปจนถึงวันพรุ่งนี้ บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าหารือกันตามวาระ ถือว่าการประชุมเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าคุย และปรับความคิดหากันด้วยดี ฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดความ ตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น […]

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย