TNA News-Now-Next: ทำไมแผ่นดินไหวเมียนมามีผู้เสียชีวิตมาก

เนปยีดอ 2 เม.ย. – จากการประเมินอัตโนมัติของสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐ หรือ ยูเอสจีเอส (USGS) ระบุว่า แผ่นดินไหวระดับตื้นขนาด 7.7 ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองสะกาย ในภาคกลางของเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ทำให้เกิดการเตือนภัยระดับสีแดง จากจำนวนผู้เสียชีวิตและความเสียหายทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเกิดจากเหตุแผ่นดินไหว ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดพุ่งเข้าใกล้ 3,000 รายแล้ว แต่เชื่อว่าจำนวนผู้เสียชีวิตที่แท้จริงจะเพิ่มสูงกว่านี้อีกมาก


การวิเคราะห์ของยูเอสจีเอสระบุว่า มีโอกาสร้อยละ 35 ที่จำนวนผู้เสียชีวิตอาจอยู่ในช่วง 10,000-100,000 คน ขณะที่พบความเสียหายเป็นวงกว้าง เนื่องจากศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ใกล้กับเมืองมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่อันดับสองในภาคกลางของเมียนมา ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่กว่า 1.7 ล้านคน นั่นแปลว่า ความเสียหายทางเศรษฐกิจ อาจสูงถึงหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเกินกว่าขนาดผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี ของเมียนมา

ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานที่อ่อนแอ ทำให้ความพยายามในการกู้ภัยและบรรเทาทุกข์ในเมียนมา ประเทศที่อยู่อย่างโดดเดี่ยว จากการเป็นรัฐบาลทหาร เป็นไปอย่างยากลำบาก ขณะที่ระบบกู้ภัยและการรักษาพยาบาล ก็ได้รับผลกระทบจากสงครามกลางเมืองที่เกิดจากการรัฐประหารในปี 2021 มานานกว่า 4 ปีแล้ว


รอยเลื่อนที่อันตราย
บิล แม็กไกว ศาสตราจารย์กิตติคุณด้านธรณีฟิสิกส์และภัยพิบัติด้านสภาพอากาศจากยูนิเวอร์ซิตี คอลเลจ ลอนดอน (University College London) หรือ ยูซีแอล (UCL) กล่าวว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้อาจเป็นแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดของเมียนมาในรอบเกือบศตวรรษ และเกิดอาฟเตอร์ช็อก หรือ แรงสั้นสะเทือนหลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.7 ขึ้น ไม่กี่นาทีหลังจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งแรก และเตือนว่า “อาจเกิดแผ่นดินไหวมากกว่านี้”

ขณะที่ รีเบคกา เบลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยาจากอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน (Imperial College London) หรือ ไอซีแอล (ICL) ระบุว่า นี่คือรอยเลื่อนแบบ ’ชนข้าง’ ของรอยเลื่อนสะกาย เป็นจุดที่แผ่นเปลือกโลกอินเดียทางทิศตะวันตกมาบรรจบกับแผ่นซุนดา พื้นที่ส่วนใหญ่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นรอยเลื่อนที่มีขนาดและการเคลื่อนที่คล้ายคลึงกับรอยเลื่อนซานแอนเดรียส ในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐ

รอยเลื่อนสะกายมีความยาวมากถึง 1,200 กิโลเมตร และตรงมาก จึงอาจทำให้เกิดแผ่นดินไหวได้เป็นบริเวณกว้าง ยิ่งรอยเลื่อนเคลื่อนตัวมากเท่าใด แผ่นดินไหวก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นรอบนี้ จึงสร้างความเสียหายได้มากเป็นพิเศษ เนื่องจากแผ่นดินไหวเกิดขึ้นในระดับที่ตื้น พลังงานแผ่นดินไหวจึงลดลงเพียงเล็กน้อย ก่อนไปถึงพื้นที่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่ด้านบน เกิดเป็นแรงสั่นสะเทือนที่พื้นผิวมาก


ตึกสูงในมัณฑะเลย์เพิ่มขึ้น ทำให้มีตึกถล่มมาก
เอียน วาคินสัน จากภาควิชาธรณีวิทยา มหาวิทยาลัยรอยัล ฮอลโลเวย์ (Royal Holloway) แห่งลอนดอน กล่าวว่า สิ่งที่เปลี่ยนไปในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาคือ อาคารสูงที่สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กที่เพิ่มขึ้น ทำให้เสี่ยงที่จะพังถล่มจากแรงสั่นสะเทือนของแผ่นเดินไหว ขณะที่เมียนมาได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งมาหลายปี และการบังคับใช้เรื่องกฎการออกแบบและการก่อสร้างอาคารก็ไม่เข้มงวดนัก

เหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 7.0 ขึ้นไป ที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ในบริเวณรอยเลื่อนสะกาย เป็นช่วงที่เมียนมายังไม่มีการพัฒนามากนัก บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างส่วนใหญ่เป็นอาคารโครงไม้เตี้ย ๆ และศาสนสถานที่สร้างด้วยอิฐ เมื่อเกิดแผ่นดินไหวจึงไม่สร้างความเสียหายร้ายแรงมาก

แผ่นดินไหวในครั้งนี้ถือเป็นการทดสอบโครงสร้างพื้นฐานของเมียนมายุคใหม่ครั้งแรก เมื่อเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ ที่มีจุดศูนย์กลางไม่ลึก และเกิดใกล้กับเมืองใหญ่ที่มีตึกสูงสร้างใหม่จำนวนมาก รัฐบาลเมียนมาต้องตระหนักว่า พวกเขามีหน้าที่รับผิดชอบในการกำหนดกฎเกณฑ์การวางแผนและกฎหมายการก่อสร้าง แต่ภัยพิบัติครั้งนี้ เผยให้เห็นสิ่งที่รัฐบาลเมียนมาล้มเหลวในการดำเนินการตั้งแต่ก่อนเกิดแผ่นดินไหว ซึ่งหากทำได้ก็จะสามารถช่วยชีวิตผู้คนได้มากกว่านี้

กรุงเทพฯ อยู่ไกล ทำไมตึกถล่ม
คริสเตียน มาลากา-ชูกีไตป์ จากแผนกวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อมของไอซีแอล (ICL) กล่าวว่า พื้นดินในกรุงเทพมหานคร มีส่วนทำให้เกิดความเสียหายที่รุนแรง แม้ว่าจะอยู่ห่างจากศูนย์กลางแผ่นดินไหวในเมียนมาถึง 1,000 กิโลเมตรก็ตาม แม้ว่ากรุงเทพฯ จะอยู่ห่างจากรอยเลื่อนที่ยังเคลื่อนตัวอยู่มาก แต่ดินที่อ่อนตัวของกรุงเทพฯ ก็ทำให้แรงสั่นสะเทือนรุนแรงขึ้น สิ่งนี้ส่งผลกระทบต่ออาคารสูงโดยเฉพาะเมื่อเกิดแผ่นดินไหวในระยะไกล ขณะเดียวกัน เทคนิคการก่อสร้างในกรุงเทพฯ ที่เน้นใช้ ‘แผ่นพื้นเรียบ’ ซึ่งพื้นจะยึดด้วยเสาเท่านั้น ไม่ใช้คานเสริม เช่น โต๊ะที่มีขารองเท่านั้น ถือเป็นการออกแบบที่มีปัญหา จากการวิเคราะห์วิดีโอเบื้องต้นของอาคารที่ถล่มในกรุงเทพฯ ชี้ให้เห็นว่ามีการใช้เทคนิคการก่อสร้างประเภทนี้

โรแบร์โต เจนติล ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบบจำลองความเสี่ยงจากภัยพิบัติจากยูซีแอล (UCL) กล่าวว่า การที่อาคารสูงในกรุงเทพฯ พังทลายลงมาอย่างรุนแรง หมายความว่า อาคารสูงอื่นๆ ในตัวเมืองอาจต้องได้รับการประเมินอย่างละเอียดถี่ถ้วนเช่นกัน

แผ่นดินไหวเกิดขึ้นทุกวัน วันละหลายครั้ง
กรมอุตุนิยมวิทยาของไทย รายงานว่าเกิดสั่นสะเทือนหลังแผ่นดินไหว หรืออาฟเตอร์ช็อค แทบจะเป็นรายชั่วโมงหลังจากแผ่นดินไหวใหญ่ขนาด 7.7 ส่วนใหญ่เป็นแผ่นดินไหวขนาดเล็ก ความรุนแรงไม่เกิน 6.0 รวมถึงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (31 มี.ค.) ที่เกิดแรงสั่นสะเทือนผลพวงจากแผ่นดินไหวในเมียนมา จนผู้คนตามอาคารสูงในกรุงเทพฯ จำนวนมากพากันแตกตื่นวิ่งหนีตายลงจากอาคาร

หลายคนอาจจะรู้สึกว่า ทำไมแผ่นดินไหวเกิดบ่อยเหลือเกิน แต่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การเกิดขึ้นของแรงสั่นสะเทือนหลังแผ่นดินไหว หรืออาฟเตอร์ช็อค ในหลายพื้นที่ พบได้เป็นประจำทุกวัน มาจำเป็นต้องตื่นตระหนกหรือตกใจมากไป

หากดูข้อมูลจากสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐ ซึ่งเกาะติดและรายงานเหตุแผ่นดินไหวทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง ก็จะพบว่าเมื่อวันที่ 31 มีนาคม เกิดแผ่นดินไหวมากถึง 48 ครั้งในช่วง 1 วันที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ความรุนแรงไม่เกิน 6.0 จะมีเพียงแผ่นดินไหวที่ตองกา ขนาด 7.0 เท่านั้นที่มีความรุนแรงมาก และอาฟเตอร์ช็อคขนาด 6.2 ที่เกิดตามมา

ศูนย์ข้อมูลแผ่นดินไหวแห่งชาติ หรือ เอ็นอีไอซี (NEIC) ระบุ จุดเกิดแผ่นดินไหวทั่วโลกประมาณ 20,000 ครั้งต่อปี เฉลี่ยประมาณวันละ 55 ครั้ง แม้จะพบการเกิดแผ่นดินไหวเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ก็ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีอุปกรณ์ตรวจจับแผ่นดินไหวที่แม่นยำมากขึ้น อีกทั้งเทคโนโลยีที่ทำให้เราทุกคนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้มากขึ้น และกว้างไกลขึ้น ทำให้เรารู้สึกว่า เกิดเหตุภัยพิบัติบ่อยครั้งขึ้น

นอกจากแผ่นดินไหวทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นเป็นปกติแล้ว อีโคโนมิก ไทมส์ (Economic Times) รายงานว่า ยังมีแผ่นดินไหวที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การทำเหมือง การสร้างเขื่อน การขุดเจาะใช้น้ำใต้ดิน รวมถึงการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ สิ่งเหล่านี้ก็อาจไปกระตุ้นให้เกิดแผ่นดินไหวได้เช่นกัน ดังนั้น ความถี่ในการเกิดแผ่นดินไหว ไม่ใช่สิ่งที่ต้องกังวล

ตามรายงานของ ยูเอสจีเอส (USGS) แผ่นดินไหวเกิดถี่ขึ้น หรือลดลงชั่วคราว ถือเป็นส่วนหนึ่งของความผันผวนตามปกติของอัตราการเกิดแผ่นดินไหว การที่แผ่นดินไหวเกิดทั่วโลกไม่ได้บ่งชี้ว่าแผ่นดินไหวขนาดใหญ่จะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ยูเอสจีเอส (USGS) ระบุว่า ตรวจพบการเกิดแผ่นดินไหวมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไม่ใช่เพราะแผ่นดินไหวเกิดขึ้นมากขึ้นจริง ๆ แต่เพราะมีเครื่องมือตรวจวัดแผ่นดินไหวมากขึ้น และสามารถบันทึกแผ่นดินไหวได้มากขึ้น

ข้อมูลจาก ยูเอสจีเอส (USGS) ที่เก็บข้อมูลมาเกือบ 100 ปี ระบุว่า มีแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ ขนาด 7.0 ขึ้นไป เกิดขึ้นทั่วโลกเฉลี่ยปีละประมาณ 16 ครั้ง ค่าเฉลี่ยนี้ประกอบด้วยแผ่นดินไหวขนาด 7.0 ประมาณ 15 ครั้ง และแผ่นดินไหวขนาด 8.0 ขึ้นไป 1 ครั้ง โดยแผ่นดินไหวที่เมียนมารุนแรงถึงขนาด 7.7 ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก

โลกร้อนทำแผ่นดินไหวเกิดถี่ขึ้นหรือไม่
การวิจัยพบว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ พอจะมีอิทธิพลต่อความถี่ในการเกิดแผ่นดินไหวในบางภูมิภาค ผลการศึกษาล่าสุดโดยนักธรณีวิทยา จากมหาวิทยาลัยโคโลราโดในสหรัฐฯ ที่ได้ศึกษาเทือกเขา ซังเกร เดอ คริสโต (Sangre de Cristo) ทางตอนใต้ของรัฐโคโลราโด ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีรอยเลื่อนที่ยังไม่สงบ พบหลักฐานที่ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างขนาดของธารน้ำแข็งที่เล็กลง และการเคลื่อนไหวของรอยเลื่อนที่เพิ่มขึ้น

ผลการศึกษาชี้ว่า ในช่วงปลายยุคน้ำแข็ง น้ำหนักของธารน้ำแข็งที่เพิ่มขึ้นไปกดการเคลื่อนไหวบริเวณรอยเลื่อน แต่เมื่อธารน้ำแข็งเหล่านั้นละลายและหดเล็กลง น้ำหนักของธารน้ำแข็งที่เคยหนักและกดรอยเลื่อนเอาไว้ก็ค่อย ๆ คลายลง ทำให้รอยเลื่อนมีการเคลื่อนไหวมากขึ้น และมีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวมากขึ้น

นั่นหมายความว่า หากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศมีความรุนแรงขึ้น ทำให้ธารน้ำแข็งละลายมากขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นอะแลสกา เทือกเขาหิมาลัย และเทือกเขาแอลป์ รวมถึงพื้นที่ที่ติดกับแผ่นธารน้ำแข็งเหล่านี้ ก็อาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดแผ่นดินไหวมากขึ้น จากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วบริเวณรอยแตกของโลก.-815 – สำนักข่าวไทย

อ้างอิง
https://www.yahoo.com/news/scientists-explain-why-myanmar-quake-073634147.html
https://economictimes.indiatimes.com/news/international/global-trends/myanmar-thailand-earthquake-are-quakes-becoming-too-frequent/articleshow/119699880.cms?from=mdr

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

พญ. สังกัด รพ.ตำรวจ แอบสั่งยาเสียสาว ขายนอกระบบ

กทม. 10 มิ.ย. – ตำรวจ และ อย. ร่วมกันตรวจค้นแฟลตตำรวจ พร้อมคุมตัวแพทย์หญิงสังกัด รพ.ตำรวจ หลังพบหลักฐานสั่งซื้อยาเสียสาว มาขายนอกระบบ ตั้งแต่ปี 65 อ้างชื่อ 11 คลินิก เงินหมุนเวียนกว่า 80 ล้านบาท เตรียมขยายผลต่อถึงผู้เกี่ยวข้อง นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา, กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ลงพื้นที่แฟลตตำรวจแห่งหนึ่งย่านอารีย์ เขตพญาไท กรุงเทพ โดยได้รับรายงานจากนายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ว่าพบความผิดปกติในการสั่งซื้อยาอัลปราโซแลม หรือยานอนหลับ หรือ ยาเสียสาวที่ทำให้หลับและเคลิ้มไป ในทางสืบสวนสอบสวน พบว่า หมอคนนี้ สั่งซื้อยาจาก อย. ตั้งแต่ปี 2565-2568 15 ล้านบาท ทาง อย. เห็นความผิดปกติ จึงพูดคุยกับตำรวจและตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบมีการแอบอ้าง 11 คลินิกในการสั่งซื้อยา […]

สามียิงภรรยาดับคารถ ซอยเพชรเกษม 67

กทม. 10 มิ.ย. – ตำรวจปิดล้อมจับกุมสามีวัย 40 ยิงภรรยาวัย 36 เสียชีวิตคารถ ก่อนหนีไปหลบในบ้าน ซอยเพชรเกษม 67 ตรวจค้นที่เกิดเหตุพบอาวุธปืน 3 กระบอก ตำรวจ สน.เพชรเกษม รับแจ้งเหตุ พบศพภายในรถเก๋ง HRV ทะเบียนกรุงเทพมหานคร จอดอยู่ภายในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เบื้องต้น ทราบชื่อผู้ก่อเหตุ คือ นายมีพาพัฒน์ อายุ 40 ปี สามี ส่วนผู้เสียชีวิต น.ส.นันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยา ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า ผู้ก่อเหตุยังอยู่ภายในบ้านพัก จึงตรึงกำลังปิดล้อมบ้านพักซึ่งลักษณะเป็นทาวน์เฮาส์ ระหว่างนั้นญาติของผู้ตายได้เดินทางมาเพื่อสอบถามเหตุ ทันทีที่รับรายงานจากตำรวจ ญาติก็มีสีหน้าเครียด น้ำตาคลอ ให้ข้อมูลว่านายมีพาพัฒน์ คบหากับผู้เสียชีวิตมาเป็นเวลาหลาย 10 ปี มีลูกด้วยกัน 3 คน ตำรวจปิดล้อมพื้นที่นานกว่า […]

ตั้งค่าหัว 1 แสน ไล่ล่าอดีตสามีโหดฆ่า 2 ศพ

เชียงราย 9 มิ.ย. – ญาติสุดแค้น ตั้งค่าหัว 100,000 บาท ล่าอดีตสามีโหดฆ่า 2 ศพ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังค้นหายังไร้ร่องรอย เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 32 (ตชด.32) นำ “โทมี่” สุนัขตำรวจ K9 พันธุ์ลาบราดอร์ เข้าร่วมภารกิจติดตามจับกุมนายซ้งปอ อายุ 55 ปี คนร้ายก่อเหตุฆ่าโหดอดีตภรรยาและน้องชายอดีตภรรยาเสียชีวิต ในพื้นที่บ้านร่มฟ้าผาหม่น หมู่ 15 ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 และ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนหลบหนีเข้าป่าดอยผาหม่น ซึ่งเป็นภูเขาสูงชันและเต็มไปด้วยถ้ำและซอกเขา ทำให้ภารกิจไล่ล่ายากลำบาก แม้ใช้โดรนตรวจจับความร้อนทั้งกลางวันและกลางคืนก็ยังไม่พบตัว นายสุรชัย ผู้ใหญ่บ้านร่มฟ้าผาหม่น เปิดเผยว่า นายซ้งปอเป็นคนพื้นที่และมีความชำนาญเส้นทางป่า เคยหลบซ่อนตัวในป่านานถึง 2 เดือน โดยไม่มีใครเจอ และเป็นบุคคลอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปค้นหา ก่อนหน้านี้นายซ้งปอเคยขู่ฆ่าผู้นำชุมชนและชาวบ้านที่เคยมีส่วนไกล่เกลี่ยให้แยกทางกับภรรยา สร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ขณะนี้เหลือประชาชนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเพียง 20-30% ส่วนที่เหลือพากันอพยพไปอยู่กับญาติในหมู่บ้านข้างเคียง เพื่อความปลอดภัย […]

ข่าวแนะนำ

เปิดภาพความจริง! อดีต-ปัจจุบันชายแดนช่องบก

11 มิ.ย. – ‘กองทัพไทย’ เปิดภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศ ชายแดนช่องบก อุบลราชธานี เปรียบเทียบอดีต-ปัจจุบัน พบการทำกิจกรรมทางทหาร-ขุดคูเลต-ทำถนนส่งกำลังบำรุง ก่อนเหตุปะทะช่องบก 28 พ.ค.2568 ทีมโฆษกกองทัพไทย เปิดข้อมูลแผนที่ทางอากาศ จัดทำโดยกองบัญชาการกองทัพไทย จากกรณีไทย และกัมพูชา มีข้อสังเกตหลายประเด็นที่ปรากฏในภาพถ่ายทางอากาศตรงจุดปะทะ โดยภาพถ่ายทางอากาศ เริ่มตั้งแต่ปี 2497 ช่วงแรกถ่ายไว้จนถึงปี 2520, 2527 และมีการถ่ายภาพทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ส่วนกรณีที่อ้างถึงการยึดครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่ที่มีปัญหานานมากแล้วนั้น หากมองตามภาพถ่ายทางอากาศ จะยืนยันได้ว่า ไม่มีการเข้าไปใช้พื้นที่อย่างที่อ้าง ข้อมูลของกองทัพไทย ยังได้เปรียบเทียบเส้นสีแดงในแผนที่ เป็นเส้นแนวที่ไทยยึดถือ ใช้แบ่งแนวเขตระหว่างไทย กัมพูชา และลาว ส่วนจุดปะทะที่เกิดขึ้นนั้น เป็นพื้นที่ที่เข้ามาทางฝั่งไทย ทั้งนี้ กองทัพไทยยังมีการถ่ายทางอากาศต่อเนื่องยาวมาถึงปี 2539, 2546, 2553 และ 2561 เป็นที่สังเกตได้ว่า ช่วง 70 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2497 ไม่มีใครเข้ามาถือครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่นั้น หากมองถึงกิจกรรมของประเทศเพื่อนบ้านที่ประเด็นในปัจจุบันนั้น เห็นได้อย่างชัดเจนตามภาพถ่ายทางอากาศว่า มีการเคลื่อนไหวทางการทหารที่แตกต่าง […]

Los Angeles mayor issues curfew for downtown Los Angeles

นายกฯ เล็กแอลเอประกาศเคอร์ฟิว

ลอสแอนเจลิส 11 มิ.ย.- นางแคเรน แบสส์ นายกเทศมนตรีนครลอสแอนเจลิส (LA) ประกาศมาตรการห้ามออกนอกเคหสถานหรือเคอร์ฟิว ย่านใจกลางเมือง หลังจากมีการทำลายทรัพย์สินในวงกว้างจากเหตุประท้วงต่อต้านเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง นางแบสส์แถลงว่า เคอร์ฟิวจะมีผลครอบคลุมพื้นที่ในรัศมี 1 ตารางไมล์หรือราว 2.6 ตารางกิโลเมตรจากย่านใจกลางเมือง ตั้งแต่เวลา 20.00 น.วันที่ 10 มิถุนายนจนถึงเวลา 06.00 น.วันที่ 11 มิถุนายนตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่าไทย 14 ชั่วโมง  ก่อนหน้านี้เธอย้ำระหว่างการแถลงข่าวว่า เหตุไม่สงบเกิดขึ้นอย่างจำกัดในบางพื้นที่เท่านั้น ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ประท้วงอย่างสันติ มีเพียงกลุ่มปลุกปั่นกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้นที่ก่อเหตุรุนแรงและฉกชิงทรัพย์สิน การประท้วงในแอลเอเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน เมื่อเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรของสหรัฐหรือไอซ์ (ICE) กวาดจับผู้อพยพลอบเข้าเมือง กระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิแจ้งเมื่อวันที่ 9 มิถุนายนว่า ไอซ์จับกุมผู้ลอบเข้าเมืองได้วันละ 2,000 คน มากกว่าสมัยรัฐบาลโจ ไบเดนที่จับกุมเฉลี่ยวันละ 311 คนในปีงบประมาณ 2567 ตำรวจแจ้งว่า เมื่อวานนี้จับกุมผู้ชุมนุม 197 คน […]

นายกฯ ลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

ดอนเมือง 11 มิ.ย.- นายกฯ ลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมให้กำลังใจกำลังพล กองกำลังสุรนารี และพบปะประชาชนที่ด่านช่องจอม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานบุรีรัมย์ ตำบลร่อนทอง อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดสุรินทร์ ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา จากนั้น เวลา 11.05 น. นายกรัฐมนตรี เดินทางต่อไปเป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์การคลี่คลายปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และมาตรการสนับสนุนและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดน ณ ห้องประชุมอัมพรพิมาน โรงพยาบาลกาบเชิง อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ก่อนที่ นายกรัฐมนตรี […]

เปิดปมสามียิงภรรยาดับคารถ ปัญหาเรื่องเงิน

กทม. 11 มิ.ย. – เปิดปมเหตุสามียิงภรรยาดับคารถ พี่ชายกับเพื่อนรุ่นน้องเผยว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องเงิน พบช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป จากกรณีนายมีนาพัฒน์ อายุ 40 ปี ก่อเหตุยิงนางสาวนันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยาของตัวเอง แล้วทิ้งศพไว้ในรถ ในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เขตบางแค และหลังก่อเหตุปิดล็อกประตูเงียบอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ล้อมจับนาน 4 ชั่วโมง จนยอมมอบตัวเมื่อคืนวานนี้ (10 มิ.ย.) ต่อมาพี่ชายของนายมีนาพัฒน์ มาเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่ สน.เพชรเกษม เปิดใจยอมรับว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเงิน เมื่อช่วงเดือนเมษายน น้องสะใภ้ (ผู้ตาย) บอกว่า น้องชายนำบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดกไปเข้าธนาคาร 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งผิดจากปกติที่น้องไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินมาก่อน เพราะแม่ยกสมบัติให้เยอะมาก ครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้องชายคือเมื่อวานนี้ช่วง 19.30 น. น่าหลังจากก่อเหตุฆ่าภรรยาแล้ว คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงสังเกตได้ว่าน้องชายมีอาการสับสน พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มีบางประโยคที่น้องชายพูดออกมาแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ เรื่องบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดก บอกว่า “บ้านหลังนี้ครอบครัวเราจะต้องได้อยู่” […]