แคลิฟอร์เนีย 23 ก.พ.- สหรัฐแจ้งว่า จับกุมชาวจีนลอบเข้าสหรัฐอย่างผิดกฎหมายผ่านทางเม็กซิโกได้มากกว่า 24,000 คนในปีงบประมาณสิ้นสุดเดือนกันยายน 2566 เทียบกับช่วงปีงบประมาณ 2555-2565 ที่จับกุมรวมทั้งหมดไม่ถึง 15,000 คน
สำนักงานศุลกากรและป้องกันพรมแดนของสหรัฐแจ้งว่า ด่านข้ามแดนบางจุดในรัฐแคลิฟอร์เนียที่ติดกับเม็กซิโก มีชาวจีนลอบเข้าเมืองเกือบร้อยละ 30 ของผู้ลอบเข้าเมืองทั้งหมด ครอบครัวชาวจีนพ่อแม่ลูกทั้งหมด 3 คนเผยว่า ใช้เวลากว่า 50 วันในการเดินทางออกจากจีนผ่าน 11 ประเทศ เช่น ไทย โมร็อกโก สเปน รวมถึงการเดินทางอย่างทุลักทุเลจากเอกวาดอร์ที่ชาวจีนไม่ต้องขอวีซาขึ้นเหนือมาถึงชายแดนสหรัฐ โดยใช้แอปพลิเคชันโต่วอินช่วยนำทาง หมดเงินไปทั้งสิ้น 300,000 หยวน (ราว 1 ล้าน 5 แสน 3 หมื่นบาท) นอกจากนี้ระหว่างทางยังต้องผ่าป่าในปานามา มีเพื่อนร่วมทางบางคนจมน้ำเสียชีวิต สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองปานามาเผยว่า มีชาวจีนเดินทางผ่านป่าต่อเดือนเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าในปี 2566 โดยสูงสุดที่ 2,974 คนในเดือนธันวาคม
ครอบครัวนี้เผยว่า สาเหตุที่ต้องใช้วิธีนี้เนื่องจากเคยยื่นขอวีซ่าเข้าสหรัฐแต่ถูกปฏิเสธทั้ง 2 ครั้ง พร้อมกับแจกแจงปัจจัยที่ทำให้ตัดสินใจเดินทางทั้งที่มีความเสี่ยง เช่น ระบบการศึกษา ปัญหาสิ่งแวดล้อม ธุรกิจได้รับผลกระทบจากโควิด-19 การเดินทางออกจากจีนไม่ใช่เรื่องง่าย ทางการจีนเข้มงวดการขอวีซ่าไปสหรัฐเพราะเกรงว่าผู้ขอจะไปยื่นขอลี้ภัยในสหรัฐ และหากถูกปฏิเสธคำขอเพียงครั้งดียวก็อาจไม่สามารถออกนอกประเทศอย่างถูกกฎหมายได้ พวกเขาเลือกใช้เส้นทางที่จะทำให้บุตรสาวเป็นที่สนใจน้อยที่สุดและปลอดภัยที่สุดในการออกนอกประเทศ ขณะนี้คิดเรื่องลงหลักปักฐานให้ได้ก่อน และจะหาทางให้บุตรสาวได้เข้าโรงเรียน
ข้อมูลของมหาวิทยาลัยซีราคิวส์ในสหรัฐระบุว่า ในบรรดาผู้เข้าเมืองชาวจีนมากกว่า 4,570 คน มีผู้ได้รับสถานภาพผู้ลี้ภัยมากกว่าร้อยละ 80 ในปีงบประมาณ 2566 ขณะที่ผู้เข้าเมืองเชื้อชาติอื่น ๆ ได้รับเพียงร้อยละ 50 ทนายความชาวอเมริกันเชื้อสายจีนเผยว่า สำหรับผู้เข้าสหรัฐโดยไม่มีวีซ่า การขอสถานภาพผู้ลี้ภัยเป็นหนทางเดียวที่จะได้อยู่ในสหรัฐ ส่วนขั้นตอนที่ยากที่สุดของการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในสหรัฐคือ การมีสถานภาพที่ถูกกฎหมาย.-814.-สำนักข่าวไทย